‘เปรมฤดี ชามพูนท’ ไขก๊อกก่อนครบวาระ นายกเล็กพิษณุโลก จัดทีมลูกนเรศวรลงสนามอีกสมัย กกต.สั่งเลือกใหม่ 30มี.ค.
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางเปรมฤดี ชามพูนท นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้ลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ในวันที่ 30 มีนาคม และรับสมัครเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ ส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองท้องถิ่นเทศบาลนครพิษณุโลกเริ่มมีกลุ่มว่าที่ผู้สมัครทยอยเปิดตัวเพื่อเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้ง
ที่ ศูนย์ประสานงานคณะลูกนเรศวร ถ.ศรีถมอรัตน์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก นางเปรมฤดี ชามพูนท อดีตนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้จัดเตรียมทีมคณะลูกนเรศวร พร้อมประกาศขอโกลับมาทำงานรับใช้บ้านเมืองอีกครั้ง โดยย้ำว่ามุ่งมั่นจะพัฒนาจังหวัดพิษณุโลกอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายในการสร้างเมืองสร้างสรรค์และเหมาะสำหรับคนทุกช่วงวัย พร้อมชูจุดแข็งด้านประสบการณ์ ความรู้ และความสามารถ รวมพลังคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมกันผลักดันให้พิษณุโลกเป็น “นครน่าอยู่สำหรับทุกคน”
นางเปรมฤดี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ได้วางระบบการบริหารเมืองที่เน้นการพัฒนาเชิงโครงสร้างและคุณภาพชีวิตประชาชน รวมถึงประสานงานและวางแผนโครงการสำคัญที่มีเป้าหมายในการยกระดับพิษณุโลกให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างแท้จริง ให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในหลากหลายด้าน ทั้ง โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเศรษฐกิจเมือง และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน
“การตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ก็คิดอยู่นานเหมือนกัน สาเหตุเนื่องจากในการเลือกตั้งทั้งนายกเทศมนตรี และเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลอีก 24 คน เวลากาบัตร 2 ใบมีปัญหาค่อนข้างมาก ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมามีความสับสนกัน และบัตรเสียเยอะมาก จึงวิเคราะห์แล้วว่า การลงจากตำแหน่งก่อน ไม่เสียหายอะไร จะทำให้การเลือกตั้งไวขึ้น แต่การเลือกตั้งจะง่ายขึ้น เพราะเป็นกาบัตรใบเดียว ไม่ต้องสับสนกับการเลือกสมาชิก ประชาชนจะไม่สับสนบัตรเสียน้อย ซึ่งได้ปรึกษากับผู้หลักผู้ใหญ่เรียบร้อยแล้ว ส่วนการลงสมัครนั้น กฎหมายปัจจุบันยังเปิดโอกาสให้อีก 1 สมัย ซึ่งมีนโยบายต่อเนื่องที่อยากทำให้จบ คือ การสร้างเมืองสร้างสรรค์ พัฒนาเมืองและยกเมืองให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของจังหวัด เป้าหมายอยากให้มีคนเข้า มาอยู่ มากิน มาเที่ยว มาลงทุน ปัจจุบัน เทศบาลนครพิษณุโลกประชากรหายไป 20,000กว่าคน หากเราไม่ทำอะไรเลยไม่พัฒนาเมือง บ้านเมืองจะเงียบลงๆ สุดท้ายเทศบาลนครพิษณุโลกจะกลายเป็นเมืองที่เคยเจริญ”
การพัฒนาเมืองที่แท้จริงต้องเป็น “การพัฒนาต่อเนื่อง” ไม่ใช่เพียงแค่การเริ่มต้นใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีมระหว่าง ภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อให้โครงการที่ได้ริเริ่มไว้เดินหน้าสู่ความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม