หนุ่มหลอนยา คิดว่าป้านินทา ถือมีด-ปืนเดินขู่ทั่วบ้าน เจ้าตัวสัญญาจะเลิกเสพ กลับตัวเป็นคนดี

หนุ่มหลอนยา คิดว่าป้านินทา ถือมีด-ปืนเดินขู่ทั่วบ้าน สัญญาจะเลิกเสพ กลับตัวเป็นคนดี

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพชายถือมีดและอาวุธปืนเดินมาข่มขู่หญิงสูงอายุ โดยบอกว่ามีคนนินทา ซึ่งคนในกลุ่มก็ได้พยายามอธิบายว่าไม่มีใครนินทาหรือด่าว่าเลย พร้อมระบุข้อความว่า “ชาวบ้านฝากมา เป็นห่วงยาย วอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เร่งเข้าไปตรวจสอบช่วยเหลือ พิกัด ต.นาพู่ อ.เพ็ญ”

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามไปยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านดอนแดง หมู่ 10 ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พบนางสมสนิท (สงวนนามสกุล) หรือป้าน้อย อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน นอกจากนี้ ยังพบคนงานกำลังปั้นมะขามเปียกอยู่ที่ลานบ้าน ทุกคนไม่กล้าออกความเห็นหรือเล่าเหตุการณ์ เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ป้าน้อยจึงจะเป็นผู้เล่าเรื่องราวทั้งหมดเอง

นางสมสนิทกล่าวว่า ตนทำงานรับจ้างปั้นมะขามเปียก โดยมีชาวบ้านมารับจ้าง ซึ่งส่วนมากเป็นหญิงสูงอายุ ส่วนผู้ชายที่ถือมีดและปืนในภาพกล้องวงจรปิด คือ นายกอล์ฟ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี หลานเขยซึ่งมีบ้านอยู่ติดกัน โดยนายกอล์ฟมาอยู่กินฉันสามีภรรยากับหลานสาวได้ 2-3 ปีแล้ว ระยะแรกก็ไม่มีปัญหา แต่พอปี 2567 นายกอล์ฟเสพยาบ้าจนเริ่มมีอาการหลอน หวาดระแวงว่ามีคนนินทาว่าร้าย หลานสาวตนเคยแยกทางกับนายกอล์ฟมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีก ซึ่งนายกอล์ฟก็เสพยาและมีอาการหลอนอยู่เรื่อยมา

หนุ่มหลอนยา

กระทั่งวันที่ 7 ก.พ. นายกอล์ฟได้เดินถือมีดและปืนเด็กเล่นมาหา พร้อมกับกล่าวหาว่าพวกตนและผู้ที่นั่งปั้นมะขามเปียก ตั้งกลุ่มรวมหัวกันนินทาว่าร้ายตน และมีคนจะมาทำร้าย เมื่อก่อนจะโวยวายธรรมดา แต่ช่วงหลังจะถือมีดมาด้วย

ADVERTISMENT

ยอมรับว่ากลัว เพราะบ้านตนมีหลานเล็กๆ และมีผู้หญิงและผู้สูงอายุนั่งปั้นมะขามเปียก พอนายกอล์ฟถือมีดและปืนเด็กเล่นเดินมา ผู้หญิงสาวที่นั่งปั้นมะขามเปียกต่างก็ลุกเดินหนี เพราะกลัวจะโดนทำร้าย เหลือแต่คนแก่ หลังจากข่มขู่แล้วก็เดินกลับบ้านไป พอหลานสาวที่เป็นภรรยานายกอล์ฟกลับมา พวกตนก็ได้บอกให้ทราบ หลานสาวจึงได้พานายกอล์ฟไปหาพ่อให้พาไปรักษา ซึ่งได้ยามากินเพื่อรักษาอาการหลอน ก็ไม่รู้ว่ากินหรือไม่กิน อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือ นำนายกอล์ฟไปบำบัดรักษา เพราะบ้านมีแต่ผู้หญิงและเด็ก เกรงจะเกิดเหตุร้าย

ต่อมา นายกอล์ฟ ได้ขับรถปิกอัพกลับมาบ้าน พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ตนถือมีดไม่ได้ไปทำร้ายใคร แค่ป้องกันตัวและคนในครอบครัว ตนมาเป็นลูกเขยบ้านนี้ อยู่กับภรรยามา 3-4 ปี ยังไม่มีลูกด้วยกัน ตอนแรกก็ทำงานกับพ่อ ซึ่งมีกิจการส่วนตัวได้ค่าแรงวันละ 1,000 บาท พ่อจะหักเป็นค่างวดรถ 400 บาท เก็บให้วันละ 100 บาท เพราะถ้าให้เงินตนก็จะใช้หมดภายในวันเดียว ตนมาอยู่ที่นี่ระยะแรกไม่มีปัญหา ระยะหลังเริ่มมีปัญหา มีคนมาแฮกเฟซบุ๊ก ทำให้รู้เรื่องของตนหมด และจะขับรถติดตาม ทำให้ตนต้องมีมีดดาบไว้ประจำตัว จะมีคนนินทาว่าตนเสพยาบ้า ขายยาบ้า เล่าให้เมียฟังก็ปัดไม่ขอรับรู้ อย่าเอาปัญหามาให้ ตนมาอยู่ที่นี่หัวเดียวกระเทียมลีบ พูดกับใครก็ไม่ได้ ทำให้หลังชนฝา ตนไม่ได้คิดไปเอง เรื่องมันคาราคาซังมา 1-2 ปี แล้ว

หนุ่มหลอนยา

นายกอล์ฟกล่าวต่อว่า ยอมรับว่าเสพยาบ้าจริง เพราะมันทำให้ตนรู้ว่าใครนินทาว่าร้าย แต่ตนไม่ได้ขาย ตนจะซื้อยาบ้าในหมู่บ้าน 5 เม็ด นำไปให้เพื่อนในหมู่บ้านเสพคนละเม็ด และตนก็เสพด้วย 1 เม็ด หลังจากเสพแล้วเพื่อนก็จะเล่าให้ฟังว่ามีใครนินทาว่าร้าย หรือคิดอย่างไรกับตนให้ฟัง ทำให้ตนถือมีดและปืนเด็กเล่นมาโวยวายที่นี่ แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร หลังเกิดเหตุตนได้ไปหาพ่อเล่าเรื่องราวให้ฟัง ซึ่งพ่อก็ได้อบรมสั่งสอนว่า ทุกปัญหาจะจบลงได้ด้วยตนเอง เพราะพ่อเคยพาตนไปบำบัดรักษา เอายามากิน ตนได้สัญญากับพ่อว่าจะเลิกเสพยา เพราะตนรักพ่อมากกว่ายาบ้า ตนจะไม่เสพยาบ้าอีก หากตนทำไม่ได้หรือหันกลับไปเสพยาบ้าอีก ตนก็จะเก็บเสื้อผ้าออกไปจากที่นี่เอง

จากนั้น นายกอล์ฟ ก็ได้กราบขอโทษป้าน้อย ซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อตา และขอโทษทุกคน สัญญากับป้าน้อยว่าจะเลิกเสพยาเด็ดขาด ซึ่งป้าน้อยก็ให้อภัยหลานเขย ป้าขอรับรองว่าไม่มีใครนินทาว่าร้ายลับหลัง และบอกหลานเขยให้หยุดเสพยา แล้วหันมาช่วยเมียทำมาหากิน

หนุ่มหลอนยา