คาด PM2.5 ขยับสูงขึ้น 22 ก.พ. ก่อนลดลงและกลับมาดีขึ้น 24 ก.พ. ยังต้องคุมเข้มมาตรการแก้ฝุ่น

บกปภ.ช.เผยค่าฝุ่นโดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์ดี คาดค่าฝุ่นขยับสูงขึ้นเล็กน้อย 22 ก.พ.นี้ ก่อนลดลงและกลับมาดีขึ้นวันที่ 24 ก.พ. กำชับทุกภาคส่วนคุมเข้มมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่น เพิ่มการทำงานตามข้อสั่งการนายกฯ

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ โดยภาพรวมยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี พื้นที่ภาคใต้ส่วนใหญ่ค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีฟ้า แสดงให้เห็นว่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ดีมาก ส่วนภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ค่าฝุ่นขยับเพิ่มสูงขึ้นกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ด้านภาคเหนือสถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่พบพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเกินเกณฑ์มาตรฐานในระดับสีแดง และมีบางพื้นที่ที่ค่าฝุ่นกลับมาอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานระดับสีเขียว

โดยจังหวัดที่มีค่าฝุ่นเฉลี่ยสูงที่สุด 5 จังหวัดแรก ได้แก่ สระบุรี พิษณุโลก เชียงราย เชียงใหม่ และน่าน ด้านจุดความร้อน (Hotspot) รวมทั้งประเทศอยู่ที่ 362 จุด ซึ่งลดลงจากเมื่อวานกว่า 1,000 จุด พื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ สปก. และพื้นที่การเกษตรตามลำดับ สำหรับพื้นที่ที่พบจุดความร้อนสูง 5 ลำดับแรก ได้แก่ ตาก อุบลราชธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และสกลนคร โดยภาพถ่ายจากดาวเทียมพบการกระจุกตัวของจุดความร้อนอย่างหนาแน่นบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายภาสกร กล่าวว่า วันนี้จำนวนจุดความร้อนลงลดกว่าเมื่อวานอย่างมีนัยสำคัญ ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานอย่างแข็งขันในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานดับไฟป่าภาคพื้นดินที่ทำงานอย่างเข้มแข็งเพื่อควบคุมไฟป่าไม่ให้ลุกลามและดับสนิท เป็นผลทำให้จุดความร้อนลดน้อยลงเป็นจำนวนมากในวันนี้ สำหรับการคาดการณ์สถานการณ์อากาศในห้วงถัดไป คาดว่าในช่วงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค่าฝุ่น PM 2.5 มีแนวโน้มสูงขึ้นเล็กน้อย เป็นผลมาจากการที่มวลอากาศเย็นได้พัดออกจากประเทศไทย อีกทั้งลมที่พัดผ่านมีกำลังน้อยลง ทำให้มีการระบายอากาศในอัตราที่ต่ำ โดยสถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เนื่องจากจะมีมวลอากาศเย็นแผ่เข้ามาปกคลุมประเทศไทย ทำให้หลายพื้นที่มีสภาพอากาศแปรปรวนและมีฝนตก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ที่อาจมีฝนตกหนักมาก

ADVERTISMENT

นายภาสกร กล่าวอีกว่า นายกฯ มีความห่วงใยในสุขภาวะอนามัยของประชาชน จึงได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อไม่ให้ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด บังคับใช้มาตรการจัดการการลักลอบเผาป่าอย่างต่อเนื่องและดำเนินตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด บูรณาการทุกหน่วยงานในการควบคุมไฟป่า ทั้งการตรวจการณ์ การกลาดตระเวน การสนับสนุนทรัพยากรเครื่องจักรกลและกำลังพลในการปฏิบัติงาน รวมถึงงดรับซื้อสินค้าการเกษตรที่มีการเผา การควบคุม การจัดกิจกรรมและโครงการไม่ให้ก่อฝุ่นเกินเกณฑ์ที่กำหนด และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหารือถอดบทเรียนและศึกษาแนวทางการดำเนินการเชิงรุกเพื่อเตรียมพร้อมป้องกันและรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในช่วงปลายปี 2568 – ต้นปี 2569

ด้านนายจำนง สวัสดิ์วงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์บรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการทั้ง 6 ด้านของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้ไว้เมื่อวานนี้อย่างจริงจัง โดยไม่ลืม การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของภาครัฐเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมถึงจุดประสงค์และความจำเป็นในการเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานและการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนและลดความขัดแข้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างประชาชนและภาครัฐ ควบคู่ไปกับการเผยแพร่องค์ความรู้เรื่องสาเหตุการเกิดฝุ่น PM2.5 ผลกระทบจาก PM 2.5 ที่มีต่อสุขภาพของประชาชน และวิธีการปฏิบัติอย่างถูกต้องปลอดภัยในช่วงที่สถานการณ์ฝุ่นมีความรุนแรง เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น PM2.5 รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด

ADVERTISMENT

นายจำนง กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ และข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัดที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในการควบคุมสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ซึ่งปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ 2 พื้นที่หลัก คือ จุดที่ 1 ประจำการ ณ กองพลทหารราบที่ 7 จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ร่วมกับกองทัพภาค 3 และจุดที่ 2 ประจำการ ณ เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจควบคุมไฟป่าในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยผลการปฏิบัติการควบคุมไฟป่าของ KA-32 ภาพรวม (ข้อมูล ณ 17 กุมภาพันธ์ 68) ได้ออกปฏิบัติการขึ้นบินทิ้งน้ำดับไฟป่า รวม 5 จังหวัด 15 เที่ยวบิน รอบทิ้งน้ำ 150 รอบ ปริมาณน้ำรวม 450,000 ลิตร

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image