ผบช.ภ.5 เชื่อไม่มีซ้อม “ชัยภูมิ ป่าแส” เผยสอบขยายผลญาติ ชวนพยานเห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูล

วันที่ 24 มีนาคม 2560 ความคืบหน้าเหตุวิสามัญนายชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมทางสังคมและประธานเครือข่ายเยาวชนต้นกล้าชนเผ่าพื้นเมือง โดยเจ้าหน้าที่ทหารที่จุดตรวจค้นยาเสพติดบริเวณ ด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และจับกุมนายพงศ์นัย แสงตะล้า อายุ 19 ปี พร้อมยาบ้า จำนวน 2,800 เม็ดเมื่อวันที่ 17 มีนาคม จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงถึงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ในส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อเวลา 13.00 น. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 กล่าวถึงกระแสว่ามีการซ้อมผู้เสียชีวิตนั้น การซ้อมหรือไม่เป็นเรื่องของการสอบสวน แต่ผมเชื่อว่าไม่น่าจะมีการซ้อม และที่มองว่ามีการซ้อมเพราะผู้ต้องหาขัดขืน ไม่ได้ให้มีการจับกุมโดยละม่อม เมื่อมีการขัดขืน ฉุดกระชาก การล็อคอะไร ก็เป็นการทำไปเพื่อให้การตรวจค้นเรียบร้อยเท่านั้น ถามว่าทหารซ้อมผมว่าไม่ซ้อม จะซ้อมทำไม หากไม่ผิดก็ให้ค้นโดยดี ไม่ขัดขืนก็จะไม่มีภาพแบบนี้เกิดขึ้น ในเมื่อมีการกอดรัด ล็อคขึ้น แล้วไปกล่าวหาเขาแบบนี้ไม่ถูก

“ในเบื้องต้นแน่นอนพนักงานสอบสวนกำลังสืบสวนขยายผล เพราะเชื่อว่ามีผู้ร่วมกระทำผิดเกี่ยวกับขบวนการยาเสพติดอีกหลายคนอยู่ในแวดวง โดยเฉพาะ 2-3 คน ที่เป็นญาติพี่น้องรุมล้อมอยู่หน้ารถคันดังกล่าวที่พบในที่เกิดเหตุ ขอรวบรวมและตรวจสอบข้อมูลเรื่องเอกสารต่างๆ อีกระยะ ตอนนี้ได้ให้มีการตั้งคดีแล้ว” ผบช.ภ.5 กล่าว

ส่วนหลายองค์กรเตรียมจัดการเสวนาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวว่า เขาก็สร้างกระแสไป แต่ว่ามีการชี้แจงไปบางส่วนแล้วว่า ออกมาเดี๋ยวเสียนะ ซึ่งเขาก็แจ้งว่าเขาจะพูดในหลักการเท่านั้นไม่ได้จะทำอะไร เพราะเป็นถึงครูบาอาจารย์เดี๋ยวจะเสียภาพเปล่าๆ รวมทั้งกรรมการสิทธิมนุษยชนจะลงพื้นที่ในวันพรุ่งนี้ (25 มีนาคม) นั้น ก็ไม่เป็นไรเป็นสิทธิที่จะไปดูไปตรวจสอบตามหน้าที่

“สำหรับโรงเรียนที่มีรายงานว่ามีการแพร่ระบาดยาเสพติดมากนั้น ก็มีโครงการหลายอย่างทั้ง หนึ่งตำรวจหนึ่งโรงเรียน ครูแดร์ ตำรวจสีขาว เป็นมาตรการป้องกันทั้งสิ้น ซึ่งเราดำเนินการอย่างเข้มข้น มีประชาชนและเยาวชนให้ความเชื่อมั่นและเชื่อถือมากขึ้น ต่อจากนี้ไปจะเร่งและเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น เพราะเริ่มมีการนำเด็กเยาวชนเข้ามาร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ผู้กระทำผิดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เช่นกรณีนี้ที่ใช้ความผู้ที่มีภาพดีในสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะกระแสเงินมันน่ากลัว เงินที่หมุนเวียนในกระแสเงินเราพบการซื้อขาย เพราะมีการล่อซื้อแล้ว แต่ที่ผู้ต้องหาหลุดไปได้ เพราะปกติผู้รับจะนั่งซ้อนจักรยานยนต์ก่อนให้สัญญานไฟกระพริบโดยนั่งคร่อมไว้ แต่วันนั้นคนที่เจ้าหน้าที่จับมาและประสงค์จะช่วยราชการ เรานำเขาขึ้นรถยนต์ไปในที่นัดหมาย ระหว่างทางมีการประสานจุดนัดพบ แต่เมื่อถึงที่นัดหมายมันผิดไปจากเดิมไม่มีจักรยานยนต์แต่เป็นรถยนต์ เมื่อเป้าหมายมาถึงเจ้าหน้าที่นำรถปิดหัวท้ายแต่เขาเก่งมากสามารถขับพุ่งหนีออกไปได้แม้จะเกือบชนตำรวจ” พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าว

Advertisement

พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าวว่า ในส่วนของนายพงศ์นัย ผู้ต้องหาที่จับได้อีก 1 คนนั้น ยังไม่ทราบว่าพนักงานสอบสวนกันเป็นพยานหรือไม่ แต่ให้การเป็นประโยชน์และตรงกับทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนพยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ขอให้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เรายินดีรับข้อมูล ส่วนประเด็นในโซเชียลพูดและเขียนไปเรื่อยๆ ทั้งทะเลาะกับทหาร หรือบ้านยากจนไม่น่าค้ายา ไม่มีไม่จริงเพราะจะไปทะเลากันทำไม และหลายครั้งที่เราไปตรวจยึดบ้านได้มีหลายรูปแบบลักษณะอำพรางก็มี

“เห็นกล้องวงจรปิดมี คงส่งมอบเพื่อเป็นหลักฐานแล้ว และพบว่ามีการต่อสู้ จึงอยากบอกว่าเวลาเจอด่านอย่าไปต่อสู้ ปล่อยให้เขาค้น ใครจะมาซ้อม ทำร้ายประชาชน แต่เมื่อมีการขัดขืนก็ต้องล็อคและจับก็ต่อสู้ เรามองภาพว่าทหารรุมทำร้ายไม่ใช่แน่ ทหารปฏิบัติตามหน้าที่ ส่วนระเบิดที่พบใช้ในกลุ่มว้าข้ามไป 4-5 กิโลเมตรก็กลุ่มว้าแล้ว เป็นเส้นทางยาเสพติด ทหารก็ต้องระมัดระวัง ตำรวจก็ต้องระวังมีถูกยิงตาย เจ้าหน้าที่เขาก็รักชีวิตและเชื่อว่าทหารไม่ทำอะไรรุนแรงแน่ แม่ทัพภาคที่ 3 ไม่ได้ประสานอะไรมา และในส่วนของการทำคดีจะไม่เร่งรัดเพราะไม่ต้องการให้กล่าวหาว่าทำอะไรชุ่ยๆ ทำเร็วก็จะหาว่าไม่รอบคอบ” พล.ต.ท.พูลทรัพย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image