รวบลูกทาสยา ขอเงินแม่ 2,000 ไม่มีให้ โดดถีบแขน คว้าขวดแชมพูทุบหัว

แม่ร่ำไห้ แจ้งจับลูกทาสยา ขอเงิน 2,000 ไม่มีให้ ฉุนโดดถีบแขน คว้าขวดแชมพูทุบหัว

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สินธ์ รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ภายหลังได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทอง มีเหตุลูกชายอาละวาดทำร้ายร่างกายแม่ ที่บ้านบ้านพัก ในพื้นที่หมู่ 9 ชุมชนหนองเหล็ก เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงนำกำลังสายตรวจ 191 รุดไปที่เกิดเหตุ โดยมีนางสุดา (สงวนนามสกุล) อายุ 59 ปี เจ้าของบ้าน แจ้งว่า นายชนาธิป (สงวนนามสกุล) หรือ บอล อายุ 33 ปี ลูกชาย ใช้เท้าถีบบริเวณแขนซ้าย และใช้ขวดแชมพูสระผมทุบหัว 1 ครั้ง หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปกับ น.ส.อัจฉรี (สงวนนามสกุล) หรือแหม่ม 31 ปี ลูกสะใภ้

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านแฝดปูน 2 ชั้น ปลูกติดกันเป็นชุมชนอยู่หลายหลัง นางสุดาได้ชี้จุดที่ถูกลูกชายทำร้ายร่างกาย และชี้ให้ดูขวดยาสระผมที่นายบอล ลูกชาย ใช้ตีที่ศีรษะตน โดยเหตุเกิดจากนายบอลมาขอเงิน แต่ตนไม่ให้ เพราะตนให้ไปหมดแล้ว

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พานางสุดาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและแจ้งความที่โรงพัก ระหว่างที่แจ้งความอยู่ เพื่อนบ้านได้โทรศัพท์มาบอกว่า นายบอลและน.ส.แหม่มกลับมาบ้าน และนั่งเสพยาอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังมุ่งหน้าไปควบคุมตัว

โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงเคาะประตูไม่นาน 2 ผัวเมียก็เปิดประตู พร้อมยินยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ไม่พบยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมาย ด้าน นายบอลปฏิเสธว่าไม่ได้เสพยา แต่ น.ส.แหม่มบอกว่าตัวเองอยู่นี่แล้วไม่ต้องกลัว บอกไปเลยว่าเสพ และเพิ่งเสพมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ส่วนนายบอล ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายแม่จริง เพราะขอเงินแม่ไปซื้อโทรศัพท์ไม่ได้ ไม่ได้จะหนีไปไหน แค่พากันออกไปซื้อนมให้ลูก และไม่ซื้อโทรศัพท์มือถือใหม่ เจ้าหน้าที่จึงทำการควบคุมทั้งสองไปสอบสวนเพิ่มเติมที่โรงพัก

ADVERTISMENT

ลูกทาสยา

ระหว่างนั้นก็เกิดการโต้เถียงกันเสียงดังลั่นห้อง โดยนางสุดา ได้ต่อว่าลูกชาย บอกจะตัดหางปล่อยวัด และต่อว่าลูกสะใภ้ที่ไม่ช่วยทำมาหากิน พากันเสพยา ไม่ดูแลลูกตัวเอง ต้องเป็นภาระให้แม่ต้องคอยดูแล ซ้ำยังถูกทำร้ายร่างกายอีก

ADVERTISMENT

จากนั้นนางสุดาตะโกนลั่นห้องว่า จะตัดแม่ตัดลูกกับนายบอล หากพ้นโทษออกมาครั้งนี้ ก็จะไม่ให้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้อีก จะเลี้ยงหลานเอง ไม่ต้องมาเห็นหน้ากันอีก และยืนยันให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

นางสุดา  กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนให้เงินลูกไปแล้ว 100 บาท เพื่อให้ทั้งคู่นำไปซื้อนมให้ลูก แต่ลูกชายก็มาขู่เอาอีก  เขาบอกจะเอา 2,000 บาท บังคับให้ตนไปยืมเงินเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านสงสารตนจึงให้ยืมมา 1,000 บาท ตนก็เอาให้ลูกทั้งหมด รวมเป็น 1,400 บาท แต่ลูกชายไม่ยอมจะเอา 2,000 บาทให้ได้ พอไม่ได้ก็เข้ามาทำร้ายตน

“แม่ทำงานรับจ้างขายเสื้อผ้า มีลูก 2 คน นายบอลเป็นคนโต ติดยาบ้ามาตั้งแต่อายุ 17 ปี ลูกไม่ยอมทำงาน ต้องโอนเงินให้ใช้วันละหลายร้อย มีลูกก็ไม่เลี้ยง งานก็ไม่ทำ ขอแต่เงินไปซื้อยาเสพ ทำให้ตาและยาย อายุ 70-80 ปี ก็อยู่ด้วยไม่ได้ ต้องหนีไปอยู่บ้านญาติ ลำบากไม่มีน้ำไฟฟ้าใช้ กลับมาก็ไม่ได้ นายบอลเคยติดคุกข้อหาข้อหาบุกรุก และเสพยาบ้า เพราะบุกไปขอเงินเพื่อนบ้าน 40 บาท แต่เขาให้ 10 บาท ก็อาละวาดเพื่อนบ้าน จึงไปแจ้งตำรวจดำเนินคดี พึ่งออกมาจากคุกเมื่อเดือนมกราคม” นางสุดา กล่าว

ลูกทาสยา

นางสุดา กล่าวต่อว่า ไม่มีแม่คนไหนอยากทำร้ายลูก แต่มันไม่ไหวแล้ว ออกมาก็ยังหวนเสพยาบ้า และขอเงินแม่ไปซื้อยาเสพครั้งละ 100-500 บาท ที่ให้เงินไปก็เพื่อไม่ให้ลูกอาละวาดทำร้าย ครั้งนี้ขอมากเกินไปไม่มีให้ ก็อาละวาดทำร้ายร่างกาย ครั้งนี้รู้สึกสุดจะทน จึงมาแจ้งตำรวจให้ช่วยจับลูกมาดำเนินคดี ส่วนลูกสะใภ้ก็เสพยาและโดนผัวทำร้ายตลอดเช่นกัน ครอบครัวทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีใครเอาแล้ว

ด้านนายบอลได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าว แต่ น.ส.แหม่ม ให้การรับสารภาพว่า “วันนี้ได้ซื้อยาบ้าเม็ดละ 40 บาท มาเสพกับนายบอลคนละเม็ด และยอมรับว่านายบอลได้ทำร้ายร่างกายแม่จริง เพราะไม่พอใจที่ขอเงินแม่ 2,000 บาทไปซื้อโทรศัพท์มือถือไม่ได้”

เบื้องต้นตำรวจตรวจปัสสาวะนายบอล และ น.ส.แหม่ม พบว่าเป็นสีม่วงทั้งคู่ จึงแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อสังคม” ส่วนข้อหาทำร้ายร่างกายบุพการี ให้พนักงานสอบสวนแจ้งเพิ่ม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image