ตำรวจชลบุรี ชี้แจง ปมจับจ่าเอกทัพเรือเมาขับ ทหารถือปืนไม่ได้มาขู่ แต่กำลังลาดตระเวน

ตำรวจชลบุรี ชี้แจงปมจับจ่าเอกทัพเรือเมาขับ ทหารถือปืนไม่ได้มาขู่ แต่กำลังลาดตระเวน

จากกรณีมีการนำเสนอข่าว สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกัน และพบว่าทางเจ้าของรถเก๋งฝ่ายหนึ่งเป็นประชาชน และอีกฝ่ายเป็น จ.อ.เกรียงศักดิ์ สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ เมื่อให้เป่าแอลกอฮอล์ ปรากฎว่าสูงถึง 167 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ระหว่างนั้นได้มีทหาร 6 ร่นพกอาวุธปืนยาว M-16 โดยสารรถกระบะ ข้างรถเขียนว่า “สอ.รฝ.” มาหาด้วยนั้น

อ่านข่าว – จ่าเอกทัพเรือ เมาซิ่งชนรถชาวบ้าน เรียกทหารพก M16 มารับ ตร.ไม่ยอม จับเป่าพุ่ง 167 มก.

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ตำรวจภูธรชลบุรี ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า สถานีตำรวจภูธรพลูดาหลวง ตำรววจภูธรจังหวัดชลบุรี ขอเรียนว่าจากกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น และปรากฏบนสื่อโซเซียลมีเดีย เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.40 น. พ.ต.ต.พรชัย เหลือผล สว.(สอบสวน) สภ.พลูตาหลวง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนสุขุมวิท ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบรึ

จึงเดินทางไปตรวจสอบ และ ได้เชิญตัว จ.อ.เกรียงศักดิ์ มาที่ สภ.พลูตาหลวง เพื่อวัดปริมาณแอลกอฮอล์ และทางหน่วยทหาร หน่วย สอ.รฝ. ได้เดินทางมายัง สภ.พลูตาหลวง จริง แต่ไม่ได้แสดงการข่มขู่ หรือกระทำการใดฯ ที่ส่งผลเสียต่อทางราชการตามที่ปรากฎทางสื่อโซเซียลมีเดียแต่อย่างใด และได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำความผิด

ADVERTISMENT

โดยภาพที่ปรากฏว่ามี ทหารถือปืนอยู่หน้า สภ.พลูตาหลวง นั้น เป็นทหารเวรรักษาความปลอดภัยของหน่วย สอ.รฝ. กำลังออกตรวจในพื้นที่ของหน่วยงาน และขณะกำลังออกตรวจได้รับแจ้งจาก สภ.พลูตาหลวง ว่ามีข้าราชการในสังกัดได้รับอุบัติเหตุ จึงเดินทางมาที่ สภ.พลูตาหลวง ในส่วนเรื่องของคดีความทางสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวงได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พันตำรวจเอกชาตรี สุขศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี/โฆษกตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี
ขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชน การกระทำที่ผิดกฎกมาย การกระทำใดที่ละเมิดต่อบุคคลพี่น้องประชาชน ขอให้มีความเชื่อมั่นว่า ข้าราชการตำรวจจะคุ้มครอง ป้องภัย พี่น้องประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ หากท่านได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำใดๆ ที่ไม่เป็นธรรม หรือมีเหตุด่วนเหตุร้าย สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ทุกสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วนศูนย์วิทยุ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง