เจ้าอาวาสหอบเงินวัดหนี 2 ล้าน ชาวบ้านเช็กบัญชีส่วนตัว มีกว่า 4 ล้าน ร้องเจ้าคณะจังหวัดสอบ

เจ้าอาวาสวัดป่าเนินโพธิโสธร โคราช หอบเงินวัดหนีไป 2 ล้าน ตรวจสอบพบเงินหมุนเวียนในบัญชีส่วนตัวกว่า 4 ล้าน แต่บัญชีวัดมีแค่หลักแสน

จากกรณีนายอำพันธ์ อายุ 79 ปี คณะกรรมการวัดป่าเนินโพธิโสธร ต.โนนทองหลาง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และชาวบ้าน เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.กวิน ไกรศักดาวัฒน์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.บัวใหญ่ ให้ดำเนินคดีกับ เจ้าอาวาสของวัดป่าเนินโพธิโสธร โดยกล่าวหาว่านำเงินจำนวนมากกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากงานทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิตของวัด แล้วหนีหายออกจากวัดไปหลังจากเสร็จงานวัดตั้งแต่ปลายปี 2567 โดยเจ้าอาวาสอ้างว่ามีรายได้จากงานบุญ 2 ล้านบาทเศษ ขณะที่มีรายจ่ายจากการดำเนินงานมากถึง 3.8 ล้านบาท ทำให้การจัดงานครั้งนี้ขาดทุน ไม่สามารถหาเงินมาคืนเงินกู้ยืมที่นำมาใช้ในการจัดงานได้ แต่เมื่อชาวบ้านร้องขอให้เจ้าอาวาสชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่าย กลับหนีหายออกจากวัดไปจนถึงปัจจุบัน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ (ธรรมยุต) มีหนังสือชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเจ้าอาวาสได้ยืมเงินผู้อุปถัมภ์วัด จำนวน 2.2 ล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายในงานปิดทองฝังลูกนิมิต และสัญญาด้วยวาจาว่าเสร็จงานจะคืนให้

ADVERTISMENT

แต่เมื่อจัดงานแล้วเสร็จ รายรับที่ได้จากการจัดงาน 2,026,904 บาท และเป็นรายจ่าย 3,998,361 บาท เมื่อนำรายรับรวมกับเงินกู้ยืม แล้วนำมาหักค่าใช้จ่ายแล้ว ทำให้เหลือเงินเพียง 228,543 บาท ไม่เพียงพอที่จะนำไปใช้คืนให้ญาติโยม จึงเห็นควรให้ทางวัดทยอยผ่อนจ่ายให้เป็นงวดๆ ด้วยการทอดผ้าป่าหารายได้ในปีถัดๆ ไป

หลังจากมีคำชี้แจงแล้วนั้น ชาวบ้านเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยมองว่าไม่เป็นธรรมกับชาวบ้าน แทนที่จะเรียกเจ้าอาวาสมาชี้แจงบัญชีรายรับรายจ่ายด้วยตัวเอง เนื่องจากเมื่อรวมยอดรายรับที่เกิดขึ้น อาทิ เงินจากการตัดหวายลูกนิมิต 1.8 ล้านบาท เงินตักไข่การกุศล 4 แสนบาท เงินใส่ซองทำบุญพระบวชใหม่ 1.4 แสนบาท เงินขายข้าวเปลือก 5 หมื่นบาท และเศษเงินเหลืออีก 1 ถุงเล็ก เป็นเงินกว่า 2.4 ล้านแล้ว ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นรายรับที่ได้แน่นอน ยังไม่รวมกับเงินจากการจำหน่ายดอกไม้ธูปเทียน เงินซองบุญผ้าป่า และเงินทำบุญอื่นๆ ซึ่งเจ้าคณะอำเภอไม่พูดถึง แต่กลับใช้วิธีการทอดผ้าป่าเพื่อหาเงินใช้หนี้แทนเจ้าอาวาส

ADVERTISMENT

ประกอบกับการที่ชาวบ้านนำบัญชีของเจ้าอาวาสไปตรวจสอบแล้ว พบว่ามียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 4.6 ล้านบาท ในขณะที่บัญชีของวัดโดยตรงกลับมีเงินเพียงแค่ 1.5 แสนบาทเท่านั้น รวมถึงการที่เจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ (ธรรมยุต) มีหนังสือแต่งตั้งรักษาการเจ้าอาวาสแล้ว แต่ยังไม่มีหนังสือปลดเจ้าอาวาสรูปเดิม จึงทำให้ยังไม่สามารถเข้าตรวจสอบบัญชีของทางวัดได้ จึงได้รวมตัวเดินทางมายื่นหนังสือกับพระราชวชิราลังการ (คำปอน สุทฺธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดนครราชสีมา(ธรรมยุต) ที่วัดวชิราลงกรณวรารามวรวิหาร ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการสอบจริยาและวินัยสงฆ์กับเจ้าอาวาสของวัด และสอบการทำหน้าที่ของเจ้าคณะอำเภอบัวใหญ่ (ธรรมยุต) ในการดำเนินการทางด้านการปกครองสงฆ์ เพื่อให้ชาวบ้านหายความคลางแคลงใจ สามารถเข้าวัดทำบุญได้เช่นเดิม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image