นักเรียนผวา! หนุ่มป่วยจิตเวช ถือมีดบุกโรงเรียนดังปราจีนฯ ฟันเจ้าหน้าที่ อปพร.บาดเจ็บ
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวราย เมื่อกลางดึกของวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งเหตุหนุ่มป่วยจิตเวชถืออาวุธมีดบุกเข้าไปในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งขณะนั้นทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมเข้าค่ายลูกเสือเนตรนารี มีผู้ปกครองมาดูบุตรหลานเล่นรอบกองไฟ ได้มีชายหนุ่มจิตเวช ชื่อเล่น ปังปอนด์ อายุประมาณ 18 ปี ถือมีดเข้ามาในโรงเรียน เจ้าหน้าที่ อปพร. เห็นเกรงว่าจะเกิดอันตรายจึงเข้าไปบอกหนุ่มจิตเวชดังกล่าวให้นำอาวุธมีดออกไปจากโรงเรียน แต่มีการขัดขืนและยื้อแย่งมีด นายสมัย (อปพร.) ที่มาอำนวยความสะดวกถูกนายปังปอนด์ใช้มีดแทง แต่นายสมัยหลบได้ทัน จังหวะนั้นผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดฟันที่แขน (กล้าม) นายสมัย 1 ครั้ง แต่ฟันไม่เข้าเนื่องจากนายสมัยแต่งชุดเครื่องแบบ อปพร. แขนยาวพับแขน และโทรแจ้ง 191
นายอนันต์ อปพร. กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนกับพวก 3 คน ได้มาอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้กับทางโรงเรียน ขณะนั้นได้พบเห็นผู้ก่อเหตุเข้ามาในงานและพบอาวุธมีดคล้ายมีดดาบยาวประมาณ 25 ซม. ซึ่งทุกคนรู้ว่าน้องปังปอนด์เป็นผู้ป่วยจิตเวช มีอาวุธมีดเข้ามาในโรงเรียน เกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัยจึงเข้าไปบอกดีๆ แต่น้องปังปอนด์ไม่พอใจมีอาการฉุนเฉียวและเกิดการยื้อแย่งอาวุธมีดและมีการแทงและฟัน อปพร. จนได้รับบาดเจ็บ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนดังกล่าวเพื่อสอบถาม ผอ. ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ได้พบกับคุณครูสาวคนหนึ่ง คุณครูดังกล่าวได้ไปเรียนให้ ผอ.ทราบ ต่อมาครูสาวบอกว่าเป็นเรื่องภายในโรงเรียน จึงไม่สะดวกที่จะพูดคุยด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ติดต่อนายสมัย แต่นายสมัยไปทำงานที่โรงงานในนิคมแห่งหนึ่ง และไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เกรงว่าจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง และมีผลกระทบหลายด้าน
และได้เดินทางไปยังบ้านของน้องปังปอนด์ ซึ่งได้พบกับนายทองคำ (ตา) กล่าวว่า หลานชายคนนี้ป่วยจิตเวชจริง รักษาไม่หาย หากมีการพูดขัดใจจะทำให้อารมณ์ฉุนเฉียวโวยวาย เมื่อคืนที่ผ่านมา ตนยังไม่ทราบว่ามันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น แต่รู้ว่าหลานใช้มีดฟัน อปพร.ได้รับบาดเจ็บที่แขน แต่ยังไม่ได้คุยกับผู้ได้รับบาดเจ็บ ตัวหลานชายตำรวจนำตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา
นายสมปอง (พ่อ) กล่าวสั้นๆ ว่า ลูกชายของตนชื่อนายสุฑาพัต อายุ 20 ปี ตนเลิกกับแฟนนานแล้วและไปทำงานที่โรงงาน ให้ลูกอยู่กับตากับยาย ยอมรับว่าลูกชายเป็นผู้ป่วยจิตเวชจริง ตนมีฐานะยากจน อยากจะนำตัวลูกไปรักษาให้หายขาด แต่ก็ไม่รู้ว่าสถานที่ใดจะรักษาลูกให้หายขาดได้ จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น
