เมีย ตร.อาสา ไม่อาฆาตแค้น แต่ญาติเชื่อจงใจชนจนตาย ภูมิใจที่ตายในหน้าที่ ก่อนทำพิธีเชิญดวงวิญญาณกลับบ้าน
จากกรณีนายธีรวุฒิ อายุ 42 ปี เมาแล้วไปง้ออดีตเมีย ที่แยกทางกันประมาณ 7 เดือน แต่ง้อไม่สำเร็จ ทำให้มีปากเสียงทะเลาะวิวาท อดีตเมียโทรแจ้งตำรวจ กระทั่งนายมิตร อายุ 59 ปี อาสาตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ขับรถยนต์ออกไประงับเหตุ ขณะจอดรถแล้วเดินไปบ้านที่เกิดเหตุ นายธีรวุฒิได้ขับรถปิกอัพชนนายมิตร ทำให้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตำรวจตามจับนายธีรวุฒิอ้างว่าเมา ไม่ตั้งใจ เป็นอุบัติเหตุ เพราะผู้ตายเปิดไฟสูงแยงตาทำให้ไม่เห็นผู้ตาย เหตุเกิดคืนวันที่ 5 มีนาคม ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ สภ.ย่อยโนนสูง ตำรวจนำตัวนายธีรวุฒิ ผู้ก่อเหตุ มาควบคุมตัวเอาไว้เพื่อรอการสอบปากคำอีกครั้ง เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาขับขี่รถโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต และเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ (เมทแอมเฟตามีน), เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย จะมีการนำตัวไปฝากขังศาลจังหวัดอุดรธานีในวันพรุ่งนี้
นายธีรวุฒิให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจชน ตอนเกิดเหตุมืดและเป็นทางโค้ง ด้วยความโมโหก็ขับมาด้วยความเร็ว ตอนใกล้จะชนรถเก๋ง ตนเห็นแค่รถจอดอยู่ ไม่เห็นคน ถ้าเห็นคนก็ไม่ชน ตกใจและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชนแล้วตนก็ลงมาดูเขาอยู่ แต่ก็ตกใจแล้วรีบขับรถหนีออกไป ถ้ามีโอกาสก็อยากไปไหว้ศพเขา
นายธีรวุฒิกล่าวยอมรับว่า เสพยาบ้ามา 1 เม็ด และดื่มเหล้ามา 3 แก้ว ก่อนจะออกมาง้ออดีตภรรยา จนมาเกิดเหตุขึ้น ทั้งนี้ มาง้อภรรยาทุกอาทิตย์ แต่ภรรยาไม่ใจอ่อน ตอนนี้มีแต่ญาติมาเยี่ยมตน อดีตภรรยายังไม่มาเยี่ยมเลย
ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.หนองอ้อ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ซึ่งญาตินำศพนายมิตรมาตั้งบำเพ็ญกุศล โดยมีญาติและชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาช่วยงาน เตรียมอาหารสำหรับแขกที่จะเดินทางมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรม 5 คืน โดยมี สภ.เมืองอุดรธานี รับเป็นเจ้าภาพในการจัดพิธีทางศาสนา
นายพิทักษ์ อายุ 56 ปี และนายพิเศษ อายุ 53 ปี น้องชายผู้ตาย ได้จุดธูปบอกดวงวิญญาณพี่ชาย ไม่ต้องห่วงอะไร ให้ไปสู่สุคติ ก่อนจะช่วยกันเล่าว่า พวกตนมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน ผู้ตายเป็นคนที่ 2 มีนิสัยชอบช่วยเหลือสังคม เป็นจิตอาสาช่วยงานบุญ งานวัด ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร และใจดี ผู้ตายจะมีอาชีพรับจ้างทั่วไป อยู่กับภรรยาที่ อ.เมืองอุดรธานี คืนเกิดเหตุมีญาติโทรมาแจ้งตอนดึกๆ ว่าพี่ชายเกิดอุบัติเหตุรถชน
“หลังทราบเรื่องก็คิดว่าพี่ชายออกไปบริการเหตุรถชนกัน แล้วเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน โดนรถชน ไม่คิดว่าออกไประงับเหตุทะเลาะวิวาทแล้วโดนขับรถชนจนเสียชีวิต พวกเรารับไม่ได้ มันเร็วเกินไป ผู้ก่อเหตุบอกว่าเป็นอุบัติเหตุ พี่ชายเปิดไฟสูงใส่ ทำให้มองไม่เห็น แต่เราคิดว่าผู้ก่อเหตุจงใจชน แม้จะอ้างว่าผู้ตายเปิดไฟสูงใส่ แล้วขับรถออกไม่เห็นผู้ตาย แต่ทำไมชนรถผู้ตาย ทำไมถึงชนจนตาย ถึงอย่างไรก็ภูมิใจในตัวพี่ เพราะเสียชีวิตในหน้าที่ ขอฝากถึงผู้ก่อเหตุให้มากราบขอขมาศพ” 2 พี่น้องระบุ
ส่วน น.ส.วันทนา อายุ 62 ปี ภรรยาผู้ตาย เล่าว่า แต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยากับผู้ตาย 12 ปี ไม่มีลูกด้วยกัน ผู้ตายชอบเป็นจิตอาสาช่วยเหลือสังคม ถือศีล 8 ชอบนั่งสมาธิ และสอนตนให้รู้จักปลง ปล่อยวาง ตนและผู้ตายไม่เคยทะเลาะกันรุนแรง สาเหตุที่เข้าไปเป็นตำรวจอาสาเพราะมีน้องที่รักและนับถือกันเป็นตำรวจได้ชักชวนมาช่วยงานประมาณ 1 ปี ซึ่งตนก็บอกให้ผู้ตายระวังตัวทุกครั้งเมื่อออกไประงับเหตุ และจะบอกให้ไปอย่างน้อย 2 คน เพราะเป็นอาชีพที่เสี่ยง ไม่มีใครอยากทำ แต่เมื่อไปทำแล้วก็รักในอาชีพ ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายไปเข้าเวรที่ ตชต.หนองขอนกว้าง พอตกเย็นก็กลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน กินได้แค่ 2 คำ ก็มีวิทยุแจ้งเหตุสามีไปง้อเมียและมีการทะเลาะวิวาท
“สามีลุกไประงับเหตุ ซึ่งครั้งนี้ไปคนเดียว ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่โทรมาแจ้งว่าสามีโดนรถชนได้รับบาดเจ็บสาหัส นำส่งโรงพยาบาล เพระสามีได้รับความกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างรุนแรง มีเลือดซึม สมองบวม สามีหัวใจหยุดเต้น เจ้าหน้าที่ปั๊มหัวใจ 3 ครั้ง ซึ่งหมอก็ได้หยุดปั๊มเพราะเกรงว่ากระดูกซี่โครงจะหักไปทิ่มปอด จากนั้นหมอก็มาบอกให้ทำใจ
เหตุการณ์รวดเร็วมาก ตั้งตัวไม่ทัน คิดอะไรไม่ออก ผู้ก่อเหตุบอกว่าไม่ตั้งใจชน เป็นอุบัติเหตุนั้น ถ้าคิดว่าเป็นญาติเขาจะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้โกรธ ไม่แค้น ไม่อาฆาต ถือว่าเป็นกรรม กรรมคือการกระทำ เขาสะใจที่ได้ทำ ผู้ตายนอนสบายในโลงศพ ส่วนผู้ก่อเหตุนอนอยู่ที่ไหนคิดเอาเอง และหลังเกิดเหตุผู้กำกับการสถานีตำรวจเมืองอุดรธานีก็ดูแลอย่างดีทุกอย่าง” น.ส.วันทนาระบุ
เวลา 14.30 น. ญาติได้นำขันธ์ 5 และนิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป เดินทางมาสวดเชิญดวงวิญญาณนายมิตรบริเวณจุดเกิดเหตุให้กลับบ้าน โดยมีการหยาดน้ำเปิดทางให้นายมิตร ซึ่งจะมีพิธีฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม