ผู้กองเข้ม ตั้งใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ 3 เดือน ได้ฉายา ฐิติวฑฺฒโน ไม่ขอพูดถึงความขัดแย้งหวยอลเวง ตัดโลกภายนอก ขอใช้เวลาอยู่กับธรรมะ ดีใจได้อุปสมบทสมตั้งใจ มั่นใจเกิดอานิสงส์ต่อตนเองและญาติ
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม หลายคนที่ติดตามข่าว หวยอลเวง 12 ล้านบาท ระหว่าง ผู้กองเข้ม กับ ยายแหล่ ร้านลาบ ชาว อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ต่างออกมาอนุโมธนาบุญหลังทราบข่าวจากพระครูสุวิมลธรรมสถิต เจ้าคณะอำเภอธาตุพนม เจ้าอาวาสวัดหัวบึงทุ่ง ต.ธาตุพนมเหนือ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับ ร.ต.อ.ฐิติพัฒน์ หรือ ผู้กองเข้ม อายุ 65 ปี ตำรวจตระเวนชายแดนเกษียณราชการ เจ้าของหวยอลเวง 12 ล้านบาท เข้าพิธีอุปสมบทที่อุโบสถวัดหัวบึงทุ่ง ได้ฉายา ฐิติวฑฺฒโน โดยผู้กองเข้มตั้งใจเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากตกเป็นข่าวดัง
ต่อมา ผู้กองเข้มมีการเจรจาขอเงินคืนกับยายแหล่ประมาณ 2 ล้านบาท แต่ตกลงกันไม่ได้ เพราะยายแหล่ ถือว่ามีการแบ่งให้ก่อนจะถูกรางวัลคนละใบ แต่ยอมคืนเงินให้ประมาณ 5 แสนบาท จึงเกิดปัญหา ทำให้ผู้กองเข้มเข้าแจ้งความกล่าวหาเอาผิดยายแหล่ ฐานความผิดยักยอกทรัพย์ แต่ทั้งสองฝ่ายเงียบหายไป ไม่ยอมมาเจรจาไกล่เกลี่ย และให้การเพิ่มเติมกับตำรวจ อยู่ระหว่างขั้นตอนทางกฎหมาย รอสรุปสำนวนส่งอัยการ จึงกลายเป็นปัญหาคาใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่ทางตำรวจดูจากเอกสารหลักฐาน ให้น้ำหนักไปที่ให้โดยเสน่ห์หา เพราะมีเอกสารหลักฐานลงประจำวัน แยกกันไปขึ้นรางวัลชัดเจน
ที่สำนักสงฆ์วิปัสสนากัมมัฎฐาน สวมสมเด็จ บ้านดอนกลาง พบพระครูภาวนาวิชยมงคล อายุ 62 ปี พระที่ดูแลสำนักสงฆ์ กำลังนำพระเข้ม รวมถึงพระภิกษุในวัดทำวัตรเย็น ก่อนจะมีการแนะนำหลักธรรมคำสอน ระเบียบวินัยสงฆ์ให้กับพระเข้ม ในฐานะพระอุปสมบทใหม่ เพื่อให้ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย โดยมีนายเกรียงไกร ศักดี อุปนายกสมาคมสื่อมวลชนนครพนม ในฐานะคนสนิทและเคยเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหวยอลเวง ร่วมอนุโมธนาบุญด้วย
พระเข้มเปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้อุปสมบทเป็นพระสงฆ์ เพราะเป็นความตั้งใจมาตลอด หากชีวิตมีโชคลาภ ส่วนระยะเวลาในการอุปสมบทตั้งใจจะอยู่ปฏิบัติธรรมให้ครบ 3 เดือน หรือจนครบ 1 พรรษา ยอมรับว่าจิตใจสงบร่มเย็นขึ้น แต่ไม่ขอพูดเรื่องปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับความขัดแย้งหวยอลเวงกับยายแหล่ ขอตัดจากโลกภายนอกเข้าสู่ทางธรรม ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ พร้อมวิงวอนไม่ให้สื่อมวลชนมารบกวน เพราะขอปฏิบัติธรรมอยู่ในพระธรรมวินัยให้ดีที่สุด เพื่อให้เกิดอานิสงส์กับตนเองและครอบครัว
ขณะที่นายเกรียงไกรกล่าวว่า อยากให้ทั้งสองจบกันด้วยดี เพราะต่างคนเคยสนิทสนมคุ้นเคยกัน เคยมีการเจรจากันหลายครั้งไม่ลงตัว ล่าสุดทราบว่ามีการตกลงกันที่ประมาณ 5-6 แสนบาท เพื่อนำเงินมาคืนให้พระเข้ม แต่ยังไม่มีข้อสรุป อย่างไรก็ตาม พอรู้ว่าพระเข้มเข้าอุปสมบทก็ดีใจ ขออนุโมทนาบุญด้วย และฝากถึงยายแหล่ให้มาเจรจากันให้จบ คิดเสียว่าเงินที่เจรจาขอคืนกันเป็นการนำมาร่วมทำบุญ ทั้งสองฝ่ายจะได้จบกันด้วยดี