ครอบครัวร่ำไห้ ชายวัย 69 เผาตอซังข้าว ลามคลอกเสียชีวิต ดับสลดข้างกอไผ่
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 10 มีนาคม ร.ต.อ.วราเทพ โลทัน ร้อยเวร สถ.น้ำโสม จ.อุดรธานี รับแจ้งออกไปสอบสวนคนเผาเศษวัสดุทางการเกษตร และถูกคลอกเสียชีวิตที่ทุ่งนาริมลำห้วยโสม ใกล้วัดเหล่าสะคราม บ.น้ำทรง ม.8 ต.ศรีสำราญ อ.น้ำโสม พร้อมกับฝ่ายปกครอง แพทย์ รพ.น้ำโสม และอาสากู้ภัยทางหลวง พบศพ นายประมวล อายุ 69 ปี บ.น้ำทรง ต.ศรีสำราญ นอนอยู่ใกล้กับกอไผ่ หรือใกล้กับแปลงนาข้าว ถูกไฟคลอกทั้งตัว เสื้อผ้าถูกไฟไหม้เกือบหมด ทำให้เสียชีวิตในจุดเกิดเหตุ
ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัว และญาติมิตร แพทย์ได้ทำการชันสูติเบื้องต้น ไม่พบรอยการต่อสู้ ไม่มีบาดแผลอื่นนอกไฟไหม ลงความเห็นถูกไฟคลอกเสียชีวิต ญาติไม่ติดใจกับเหตุที่เกิดขึ้น รับมอบศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
จากการสอบสวนทราบว่า ที่เกิดเหตุเป็นที่นาของ นายประมวล สิงห์สกุล ผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นที่นาลุ่มใกล้กับลำน้ำโสม ปีนี้เก็บเกี่ยวไกล้ได้ผลผลิตดี หลังเก็บเกี่ยวก็เตรียมพื้นที่ เพื่อจะทำการเกษตรช่วงฤดูแล้ง ได้ว่าจ้างรถไถมาไถกลบตอซังข้าว แต่รถที่ว่าจ้างมาทำไม่ได้ อ้างว่าพื้นที่แข็งเกินไป ทำให้แผนการทำพืชฤดูแล้งล่าช้า จนในเช้าวันนี้ผู้ตายออกจากบ้านตั้งแต่เช้า บอกคนในบ้านว่าจะมาที่นาข้าว จนกระทั่งช่วงเย็นไม่กลับบ้าน ญาติได้ตามมาหาที่นาข้าว ก็พบว่ามีไปไหมนาข้าว หรือกอซังข้าว จนลามเข้าในพื้นที่สวน ที่อยู่ติดกับนาข้าว จนทำให้ไฟคลอกจนเจ้าของนาเสียชีวิต
ร.ต.อ.วราเทพ โลทัน ร้อยเวร สถ.น้ำโสม จ.อุดรธานี อธิบายว่า จากการเข้าสอบสวนที่เกิดเหตุ รับฟังความเห็นของพยาน และการชันสูตบาดแผลผู้ตาย เชื่อได้ว่าเสียชีวิตจากไปคลอก แต่จะเกิดจากพฤติกรรมแบบไหนยังต้องสอบสวนเพิ่มเติม แต่เมื่อญาติไม่ติดใจเหตุการณ์เสียชีวิต เชื่อว่าน่าจะเกิดจากผู้ตาย ตัดสินใจจุดไฟเผา “ตอซังข้าว” จนลามมาคลองผู้เสียชีวิต หลังจากชันสูตก็จะมอบศพไปบำเพ็ญกุลตามประเพณี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การเสียชีวิตของ นายประมวล อายุ 69 ปี เป็นรายแรกของปีนี้ ที่เกิดจากไฟป่า หรือการเผาในที่โล่ง ซึ่งที่ผ่านมาใน จ.อุดรธานี จะเกิดการเสียชีวิตจากสาเหตุนี้มาต่อเนื่อง ทั้งการเสียชีวิตจากการเผาเอง หรือการเข้าไปดับไฟ ขณะในปีนี้สถานการณ์ไฟป่า-หมอกควัน-การเผาในที่ล่าง จะเกิดขึ้นลดลงจากปีที่ผ่านมาก็ตาม