ตม.จับคาด่าน คู่รักบัญชีม้า กำลังจะข้ามแดนไปเพื่อนบ้าน สแกนใบหน้าให้แก๊งมิจฉาชีพ
วันที่ 21 มี.ค.68 พ.ต.อ.นพดล รักชาติ ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ธนูศิลป์ ดวงแก้วงาม รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย, พ.ต.ท.ธียาฌพัตท์ รังสิพรหมณกุล รอง ผกก.ตม.จว.หนองคาย ,พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.จว.หนองคาย พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคาย ร่วมกันจับกุมคู่รักตามหมายจับคดีฉ้อโกงทางออนไลน์ คือ
นางผึ้ง (ขอสงวนชื่อสกุล) อายุ 21 ปี สัญชาติไทย ชาวตำบลคำม่วง อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น บุคคลตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 905/2568 ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือ เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” ท้องที่ สน.พญาไท กองบัญชาการตำรวจนครบาล
ส่วนอีกคนคือนายเอก (ขอสงวนชื่อสกุล) อายุ 31 ปี สัญชาติไทย ชาวตำบลบ้านตูม อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดพิจิตร ที่ จ. 224/2567 ลงวันที่ 13 กันยายน 2567 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและผู้อื่น” ท้องที่ สภ.เมืองพิจิตร กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1
จากการสอบปากคำ ทราบว่าทั้งสองรายได้รับจ้างเปิดบัญชีให้แก่มิจฉาชีพนำไปใช้ในการหลอกลวงประชาชนทางออนไลน์ และวันนี้ทั้งสองรายได้เดินทางมาที่ด่านหนองคาย เพื่อเสนอขายบัญชีธนาคารให้กับมิจฉาชีพ จำนวน 5 บัญชี บัญชีละ 9,000 บาท รวม 45,000 บาท และกำลังจะเดินทางไป นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อไปสแกนใบหน้าให้กับกลุ่มมิจฉาชีพ เพื่อใช้ในการโอนเงินทางออนไลน์ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดหนองคายตรวจสอบพบและทำการจับกุม
ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน บอกถึงเหตุผลที่ทำให้เปิดบัญชีม้าว่า พวกตนอยากได้เงิน เพราะหมดทางจะหาเงินแล้ว นั่งอยู่ข้างทางข้าวก็ไม่ได้กินประกอบกับลูกตนก็ไม่สบายด้วย จึงอยากได้เงินมารักษาลูก และนำมาใช้ตั้งตัว จังหวะที่รถที่พวกตนจ้างให้มาส่งหนองคายพวกตนนั่งอยู่ริมถนนที่จังหวัดขอนแก่น ค่าจ้างรถคนที่จะซื้อบัญชีเป็นคนโอนจ่ายให้ 1,800 บาท พวกตนยังไม่ได้เงินซักบาท ขอเงินกินข้าวเขาก็ไม่โอนให้ รู้จักกันทางโซเชียล จึงทักกันในกลุ่ม เพราะอยากได้เงินจึงต้องทำ ส่วนที่ขยายวงเงินแบบไม่จำกัดจำนวนนั้น ตนไม่รู้ว่าทำอย่างไร ดูจากในแอพพ์ธนาคารก็บอกเขาไป
ทางด้าน พ.ต.ท.อภิชาติ คลธา สว.ตม.จว.หนองคาย บอกว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนถูกจับกุมด้วยข้อหาร่วมกันช่อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หลังสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ทำให้ทราบว่าเป็นการขายบัญชีให้กับมิจฉาชีพเอาไปใช้ในการช่อโกง ทั้ง 2 คนถูกออกหมายจับไปแล้ว บัญชีที่เปิดถูกกระจายออกไปหลอกลวงประชาชน ที่เดินทางมาจังหวัดหนองคาย
เนื่องจากมีการประสานเพื่อขายบัญชีให้กับแก๊งมิจฉาชีพ มีทั้งหมด 5 บัญชี จะขายบัญชีละ 9,000 บาท ไม่รวมค่าใช้จ่าย ค่าที่พัก ค่าเสียเวลาและค่าเบี้ยเลี้ยงที่จะมีการจ่ายให้ต่างหาก ซึ่งแก๊งมิจฉาชีพจะมารอที่หน้าด่านพรมแดนฯ เพื่อจะพาข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว เพื่อไปสแกนใบหน้า เพื่อใช้ในการยืนยันการโอนเงินทางออนไลน์ ซึ่งการโอนเงินเกิน 50,000 บาทจะต้องมีการสแกนใบหน้า
ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน กำลังจะเดินทางข้ามไปและรับรู้แล้วว่าจะต้องไปสแกนใบหน้า เป็นการเต็มใจที่จะกระทำผิด รู้อยู่แล้วจากข่าวสารที่ผ่านมาว่ามีคนเปิดบัญชีแล้วนำไปขายให้กับแก๊งมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ก็ยังมีเจตนาที่จะทำอยู่ เจ้าหน้าที่จะได้ส่งตัวให้กับท้องที่ที่กระทำผิดต่อไป
พ.ต.ท.อภิชาติ ได้ฝากถึงประชาชนทั่วไปว่า ถึงแม้เราจะไม่มีงานทำไม่มีเงิน ก็ไม่ควรที่จะไปขายบัญชีธนาคาร หรือไปมีส่วนร่วมอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะประชาชนที่ถูกโกงสิ้นเนื้อประดาตัว บางคนต้องฆ่าตัวตาย อย่างผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ยังเป็นวัยรุ่น ยังมีแรงมีกำลัง มีสมองที่ไปทำงานอย่างอื่น ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ