หาดใหญ่โพล เปิดผลสำรวจ เชื่อมั่น 14 จว.ใต้ วูบ กำลังซื้อหด หนี้พุ่ง ค่าครองชีพเพิ่ม วอนรบ.แก้สินค้าเกษตร

หาดใหญ่โพล เปิดผลสำรวจ เชื่อมั่น 14 จว.ใต้ วูบ กำลังซื้อหด หนี้สินพุ่ง ค่าครองชีพเพิ่ม วอนรบ.แก้สินค้าเกษตร-ไม่เอากาสิโน

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ 420 ตัวอย่าง ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือน มี.ค.ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ก.พ. ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม

“รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน การออมเงิน การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ”

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ปัจจัยลบที่สำคัญ คือ กำลังซื้อของประชาชนลดลง เมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการลดหย่อนภาษี (Easy E-Receipt) และโครงการแจกเงิน 10,000 บาทผ่านไป ทำให้ประชาชนกลับมาจับจ่ายใช้สอยเฉพาะเท่าที่จำเป็น เนื่องจากประชาชนจำนวนไม่น้อยยังมีหนี้จำนวนมาก

ADVERTISMENT

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า สำรวจพบว่าหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยติดอันดับ 2 ของเอเชีย โดยมีมากถึง 90% ของ GDP และเป็นหนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่สามารถชำระคืนให้กับสถาบันการเงินได้ประมาณร้อยละ 9 ของหนี้ทั้งหมด หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านบาท โดยจำนวนหนี้ยังไม่รวมหนี้นอกระบบ ซึ่งคนไทยกว่า 20% เป็นหนี้อยู่

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า แนวความคิดของรัฐบาลที่กำลังพิจารณามาตรการซื้อคืนหนี้สินจากสถาบันการเงินนั้น ประชาชนส่วนหนึ่งมองว่า การซื้อหนี้ของประชาชนเพื่อมาบริหารจัดการหนี้เป็นแนวคิดที่ดีในการช่วยให้คนไทยไม่มีหนี้ แต่รัฐบาลควรพิจารณาเฉพาะกลุ่มลูกหนี้ที่มีโอกาสชำระหนี้ได้ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่เคยเป็นลูกหนี้ชั้นดี แต่มีปัจจัยบางอย่างทำให้เป็นหนี้เสีย เช่น ลูกหนี้ช่วงโควิด-19 ซึ่งหากรัฐบาลซื้อลูกหนี้ที่เหมาะสม ย่อมมีโอกาสได้หนี้คืน และธุรกิจก็สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

ADVERTISMENT

“รัฐบาลเน้นช่วยลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีโอกาสกลับมาได้ แม้จะขอให้ลูกหนี้ผ่อนจ่ายเพียง 10% ก็ไม่สามารถผ่อนจ่ายได้ โดยลูกหนี้เหล่านี้มักจะมีคำกล่าวที่ว่า “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ซึ่งหากรัฐบาลซื้อหนี้ที่มีลักษณะเช่นนี้ โอกาสที่จะได้หนี้คืนก็เป็นไปได้ยาก อีกทั้งลูกหนี้เหล่านี้อาจจะสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีก รัฐบาลควรพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้ โดยพิจารณาจากกลุ่มลูกหนี้ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดภาระหนี้สินกับประเทศ”

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ยังไม่ฟื้นตัว แม้ว่าบางช่วงอาจจะดูว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่บางช่วงก็ดูเหมือนทรงตัว และบางช่วงก็อาจจะดูตกต่ำ จากผลการสำรวจ พบว่าในช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้นนั้นจะเป็นช่วงเทศกาล ช่วงที่ภาครัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และเมื่อผ่านพ้นช่วงดังกล่าว เศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ช่วงทรงตัวและตกต่ำ โดยต้นเหตุของปัญหามาจากประชาชนขาดกำลังซื้อ เพราะรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นมาก เป็นเพราะราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นเพิ่มสูงขึ้น 10-20% รัฐบาลควรหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้และลดรายจ่ายให้กับประชาชน ในช่วงปี 68 ภาครัฐควรมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของคนในประเทศ อันจะนำไปสู่การเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ โครงการลดหย่อนภาษี โครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์และโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

“ประชาชนคาดหวังและต้องการ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เสนอแนะให้ภาครัฐต้องหามาตรการป้องกันและแก้ปัญหาการเปิดธุรกิจของทุนจีนเทาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่ทุนจีนเทาจะยึดพื้นที่ในการทำธุรกิจของคนไทยและให้ภาครัฐแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบการกระทำความผิดของแรงงานต่างด้าว ผู้ประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้ามา เจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าว”

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ปัจจุบันตำรวจมีการตั้งด่านจำนวนมาก เพื่อตรวจจับความผิดของผู้ใช้รถบนถนน โดยเฉพาะการจับรถที่ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กำหนด เสนอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นประธานกรรมการตำรวจ และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกพระราชบัญญัติให้เงินค่าปรับจราจรทั้งหมดเข้างบประมาณแผ่นดิน โดยให้ยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับทั้งหมด เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง

ผศ.ดร.วิวัฒน์เปิดเผยว่า ประชาชนไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนถูกกฎหมาย จึงเสนอแนะให้รัฐบาลทำประชามติ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจต่อสิ่งที่รัฐบาลจะดำเนินการ เพราะผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบย่อมตกอยู่กับประชาชน

“หลายพื้นที่เริ่มเกิดภัยแล้ง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตร และทำให้ผลผลิตที่ได้ลดน้อยลง ราคาซื้อขายสินค้าเกษตรที่ไม่แน่นอน และมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้รายได้ของเกษตรกรลดน้อยตามไปด้วย วอนขอให้ภาครัฐที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ หาตลาดให้กับสินค้าเกษตร และหามาตรการช่วยเหลือเพื่อให้พืชผลทางการเกษตรมีราคาที่เหมาะสม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image