เปิดบันทึกคดีรุกป่า หลังจับ ‘อดีตผญบ.’ โพสต์ขายที่ป่าสงวน 315 ไร่ พบมี ‘นายพล’ เอี่ยว

ส่องบันทึกคดีป่าไม้ จับ ‘อดีตผู้ใหญ่บ้าน’ ขายป่าสงวน พบ ‘บิ๊กทหาร’ เอี่ยว จนท.ป่าไม้ยึดผืนป่าคืนรัฐทั้ง 2 แปลง รวม 546 ไร่แล้ว

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นายทรงศักดิ์ กิตติธากรณ์ ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ และ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 (ภาคเหนือ) ปลอมตัวเป็นนายทุนล่อซื้อที่ดิน ภ.บ.ท.5 จากกลุ่มขบวนการขายที่ป่าผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า ที่ดิน ภ.บ.ท.5 ราคาไร่ละ 30,000 บาท หมู่ 3 ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี เพชรบูรณ์

กระทั่งสามารถทำบันทึกจับกุม นายฉลอง อดีตผู้ใหญ่บ้าน อายุ 74 ปี ต.วังข่อย อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พุเตย อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ คดีอาญาที่ 51/2568 เวลา 23.00 น. วันที่ 2 เมษายน และยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าสองข้างทางสายชัยวิบูลย์ 2 แปลง คือ

ADVERTISMENT

1.แปลงที่ 1 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติถูกบุกรุก ยึดถือครอบครอง เนื้อที่จำนวน 173-3-32 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐเบื้องต้นพึงได้รับเป็นเงิน 219,746.39 บาท

2.แปลงที่ 2 พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติถูกบุกรุก ยึดถือครอบครอง เนื้อที่จำนวน 372-1-23 ไร่ ค่าเสียหายของรัฐเบื้องต้นพึงได้รับเป็นเงิน 25,423,450.18 บาท

ADVERTISMENT

3.สิ่งปลูกสร้างถาวร (ไม้) ในที่เกิดเหตุป่าด้านทิศตะวันตก บ้านหนองภิรมย์ หมู่ 16 ต.ภูน้ำหยด อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์

ขณะที่มีผู้ต้องหา 1 ราย คือนายฉลอง มีความผิดฐาน พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 แผ้วถาง ทำลาย ยึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 55 ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถาง สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่า พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ยึดถือ ครอบครอง ฯลฯ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 26/4 ผู้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผู้นั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามมูลค่าทั้งหมด มาตรา 9 ยึดถือ ครอบครองเป็นอันตรายแก่ทรัพยากรในที่ดิน

ส่วน นายหน้า ต้องขึ้นอยู่ดุลพินิจของร้อยเวร สภ.พุเตย ว่ามีฐานความผิดทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือไม่ นอกจากนี้ ตามบันทึกของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ผู้ถูกกล่าวโทษยังพบว่า มีนายทหารยศใหญ่ ร่วมในคดีนี้อีกด้วย

ทั้งนี้ นายฉลอง เป็นผู้นำทางและนำตรวจสอบแนวเขตพื้นที่ ระบุว่า ภาพที่ประกาศขายที่ดินเป็นของ นายพลรายหนึ่ง (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) เนื้อที่ประมาณ 315 ไร่ ราคาไร่ละประมาณ 27,000-8,000 บาท และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แต่เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ของตนเอง แต่มีนายพลมาติดต่อขอซื้อ เห็นว่าเป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยกันมานาน จึงตกลงขายที่ดินให้ โดยเป็นที่ราบสลับเนินเขา ติดกับเทือกเขาสูง พบร่องรอยการปลูกข้าวโพดและมันสำปะหลังบางส่วน นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยเครื่องจักรกลหนักปรับพื้นที่ และขุดเจาะน้ำบาดาลอีกด้วย

นายฉลองระบุว่า ยังมีที่ดินอีก 315 ไร่ที่จะขายเช่นกันในราคา 3.5 ล้านบาท พร้อมมีใบ ภ.บ.ท.5 อยู่ติดกันกับแปลงที่ประกาศขาย มีลำห้วยกั้นกลาง

จากนั้นจึงพาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ไปตรวจสอบ พร้อมยึดทั้ง 2 แปลงดังกล่าว

ส่วน นายหน้าขายที่ดินอีก 3 คน ให้ปากคำอีกว่า พื้นที่ที่จะทำการซื้อขาย มี 2 แปลง โดยมีเจ้าของ 2 ราย คือนายฉลอง เนื้อที่ประมาณ 315 ไร่ และพื้นที่ของ นายสมริทธ์ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 315 ไร่ และจากการตรวจสอบชื่อนายสมริทธ์พบว่าเป็นทหารเรือ ยศ พลเรือตรี จริง

ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ใช้เครื่องมือจับพิกัดดาวเทียมตามที่นายฉลองนำชี้ คำนวณเนื้อที่ได้ 372 ไร่ ส่วนแปลงของนายสมริทธ์นั้น นายหน้าระบุว่าไม่สามารถนำชี้ได้ จะต้องให้เจ้าของนำชี้เท่านั้น ทราบเพียงว่าด้านทิศใต้ เป็นเส้นทางผ่านเข้า-ออกมีประตูรั้วปิดกั้น ลักษณะบุกรุกยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงมีฐานความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 มาตรา 54 มาตรา 55 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มาตรา 14 มาตรา 26/4 ส่งให้ สภ.พุเตย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image