แม่น้ำกก พบสารหนูเกินมาตรฐาน สัตว์น้ำลอยตายเกลื่อน เตือนปชช.ห้าม อุปโภค-บริโภค
เมื่อวันที่ 7 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงราย ความคืบหน้ากรณีที่ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) หรือ สคพ.1 จัดเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกก ด้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และ อ.เมือง จ.เชียงราย ไปตรวจสอบ ภายหลังแม่น้ำกกมีสีขุ่นผิดปกติและประชาชนริมแม่น้ำกกร้องเรียนว่าลงไปเล่นน้ำกกแล้วเกิดผื่นคัน เชื่อว่าน่าจะมีการทำกิจกรรมทางตอนเหนือของแม่น้ำในประเทศเมียนมา
ผลตรวจของ จ.เชียงราย จำนวน 3 จุดพบว่ามีสารหนูเจือปนอยู่เกินค่ามาตรฐานทั้ง 3 จุด ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ทำการสำรวจสภาพของแม่น้ำกก บริเวณเชิงสะพานแม่ฟ้าหลวง บ้านน้ำลัด ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็น 1 ใน 3 จุดที่ทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) หรือ สคพ.1 มีจัดเก็บตัวอย่างน้ำและตะกอนดินไปส่งตรวจ พบสารหนูมีปริมาณ 0.012 มิลลิกรัมต่อลิตร ขณะที่ค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0.01 มิลลิกรัมต่อลิตร
เมื่อเดินทางไปถึงพบว่าน้ำในแม่น้ำกกยังคงมีสีขุ่นแดงอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่พบว่ามีชาวบ้านเข้าไปภายในลำน้ำหรือทำการประมงเหมือนเช่นที่ผ่านมา มีเพียงเรือหางยาวโดยสารยังคงรับส่งผู้โดยสารเท่านั้น ขณะเดียวกันจากการสังเกตตามลำน้ำพบว่ามีสัตว์น้ำเริ่มตาย รวมถึงลูกเต่าน้ำจืดซึ่งลอยตายเกยตื้นอยู่ริมฝั่ง แต่ยังไม่ทราบถึงสาเหตุการตายที่ชัดเจน แต่ก็ทำให้ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำกกไม่กล้าที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแม่น้ำรวมถึงนำน้ำกกไปเพื่อการอุปโภคหรือบริโภค
นายอภิชิต ปันวิชัย อายุ 51ปี ชาวบ้านชุมชนน้ำลัดกล่าวว่าปกติชาวบ้านจะมีวิถีเชื่อมโยงกับแม่น้ำกกมาตั้งแต่อดีต ตั้งแต่การน้ำในการอุปโภคบริโภค ทำสวน ตลอดจนทำมาหากินในแม่น้ำ โดยเฉพาะการทำประมงพื้นบ้านมารตลอด น้ำประปาที่ใช้ก็ยังนำน้ำจากแม่น้ำกกไปผลิต พอเกิดปัญหาน้ำขุ่นแดงและมีการปนเปื้อนของสารหนูและโลหะหนัก ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวกันมากไม่กล้าที่จะลงน้ำ การหาปลาเพื่อมาประทังชีวิตหรือสร้างรายได้ต้องหยุดหมด ไม่อยากสัมผัสน้ำเพราะเกรงอันตราย สัตว์น้ำก็ยังเริมทยอยตายไม่ทราบสาเหตุ แต่ชาวบ้านก็เชื่อว่าน่าจะมาจากน้ำที่มีขุ่นและมีสารปนเปื้อนเหล่านี้ จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐเร่งประสานงานกับประเทสเพื่อบ้านในการแก้ไขปัญหาการทำเหมืองต่าง ๆ ไม่ให้มีไหลลงมาแม่น้ำกก ส่วนภาครัฐในพื้นที่ก็เร่งหาแนวทางไม่ให้ชาวบ้านได้รับอันตรายและแก้ไขสภาพน้ำกกให้พื้นคืนกลับมาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อลูกหลานในอนาคตได้
ล่าสุด นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการ จ.เชีงราย ก็ได้ขอให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) เพิ่มความถี่ในการลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจสอบ โดยให้ดำเนินการไปตลอดลำน้ำตั้งแต่รอยต่อ จ.เชียงราย กับ จ.เชียงใหม่ ผ่าน อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.ดอยหลวง อ.แม่จัน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ อ.เชียงแสน นอกจากนี้ได้สั่งการและขอความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานสาธารณสุข การประปาส่วนภูมิภาค ศูนย์วิทยาศาสตรการแพทย์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ ได้สำรวจการใช้น้ำกกตลอดลำน้ำในกิจกรรมต่างๆ เช่น ประปา เกษตร อุตสาหกรรม หรือเล่นเพื่อการท่องเที่ยว ฯลฯ โดยให้สรุปผลภายในวันพุธที่ 9 เม.ย.นี้ เพื่อจะได้นำข้อมูลอย่างละเอียดมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไป ซึ่งสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) แจ้งว่าควรตรวจเดือนละ 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทาง จ.เชียงราย และสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย ได้มีประกาศเตือนไม่ให้สัมผัสหรือดื่มกินน้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่น อาเจียน ฯลฯ ให้รีบพบแพทย์ ส่วนกรณีระบบประปานั้นถือว่าได้มาตรฐานสามารถบริโภคได้ตามปกติ