จังหวัดอุทัยธานี ครอบครัวจัดบ้านเตรียมรับศพ ร.ต.อ.ทักษิณ กลับบ้าน ด้านหลานสาวเผย น้าเขยเป็นคนดีไม่เคยมีเรื่องชู้สาว ส่วนตัวยันไม่เชื่อเป็นกิ๊กกับอดีตเมียหัวหน้าช่างภาพ ทราบทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียน รับไม่ได้กับการกระทำโหดร้าย ยืนยันเอาเรื่องถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นางสำราญ อายุ 56 ปี ตำบลหนองยายดา อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งทางญาติและคนสนิทกำลังเร่งจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพของ ร.ต.อ.ทักษิณ รอง สว. (สอบสวน) สภ.ทุ่งคอก จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณหน้าผากและลำตัว รวม 7 นัด จากเหตุการณ์ที่ถูกหัวหน้าช่างภาพของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ใช้ปืนยิง ร.ต.อ. เสียชีวิตที่หน้าบ้านพักของอดีตภรรยา คาดมาจากปมหึงหวง ทั้งที่หย่าร้างกันไปได้ 2 ปีแล้ว โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา
อ่านข่าว – ช่างภาพสถานีดัง บุกยิง ร.ต.อ. เสียชีวิตคาบ้านอดีตแฟนสาว – เปิดชนวนเหตุ เคยเตือนแล้ว
โดยพบว่า ทาง นางสำราญ ผู้เป็นภรรยานั้น ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ แผนกนิติเวช เพื่อรอรับร่างของสามี โดยได้เดินทางไปพร้อมกับลูกอีก 2 คน และคาดว่าศพนั้นน่าจะมาถึงยังบ้านในเวลากลางดึกวันนี้ เนื่องจากต้องรอใบพิสูจน์ศพให้เรียบร้อย จึงทำให้ในคืนนี้ จะไม่มีการทำพิธีสวดใดๆ
ด้าน นางสาววิภา อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นหลานของนางสำราญ ซึ่งเป็นภรรยาของ ร.ต.อ.ทักษิณ ผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยว่า ปกติแล้ว ร.ต.อ.ทักษิณ หรือน้าเขยนั้น เป็นคนอัธยาศัยดี ไม่คิดว่าจะไปมีเรื่องราวอะไรกับใคร แถมยังเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ซึ่งก่อนหน้านี้ น้าเขยนั้น เคยเป็นตำรวจอยู่ที่อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ก่อนย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.ทุ่งคอก จังหวัดสุพรรณบุรี แต่ก็ยังคงมาหาลูกและเมียอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในวันเสาร์-อาทิตย์ และในส่วนเรื่องเจ้าชู้นั้นไม่เคยได้ยินข่าวเลยว่าเป็นคนแบบนั้น
ซึ่งในตอนนี้สำหรับข่าวที่ออกมานั้นก็ยังไม่ได้เชื่ออะไรมากมาย ต้องรอว่าผลของการสอบสวนจะออกมาอย่างไร ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจเรื่องปมหรือสาเหตุในครั้งนี้ แต่ในส่วนตัวนั้นไม่เชื่อว่า ร.ต.อ.ทักษิณนั้น จะไปอะไรกับผู้หญิงคนนั้น โดยอาจจะรู้จักกันและไปเที่ยวหากันเท่านั้น เพราะเท่าที่รู้มานั้นทั้งคู่เคยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่มัธยมศึกษาแล้ว
สำหรับความรู้สึกที่เป็นหลานนั้นก็รับไม่ได้ที่มาก่อเหตุถึงกับชีวิตในครั้งนี้ และก็ไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องราวอะไรกันหรือไม่ แต่เป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก อยากให้ผู้ก่อเหตุนั้นรับโทษทางกฎหมายถึงที่สุด และทางครอบครัวก็จะดำเนินการในเรื่องคดีถึงที่สุดเช่นกัน นางสาววิภากล่าว