ร้องกก.สิทธิมนุษยชนช่วยเหลือเหยื่อในพื้นที่กะเหรี่ยงทั้งหมด แฉหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นมาเฟียยังอยู่ มีการละเมิด ทารุณกรรม ข่มขู่ หลายคนตกอยู่ในอันตราย ขณะที่จนท.ไทย เฝ้าระวังลักลอบหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาเขตไทย
จากกรณีที่เหยื่อที่ทำงานในพื้นที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน ตรงข้ามบ้านช่องแคบ ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก จำนวน 275 คน ชุมนุมประท้วงทหารกะเหรี่ยงดีเคบีเอ และพยายามที่จะออกจากพื้นที่ข้ามมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2567 จนมีการกระทบกระทั่งกันและหวิดที่จะนำไปสู่การปะทะกันนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 เมษายน นางสาวกฤติญา ผู้ประสานงานเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ผลักดันให้การช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ครอบคลุม และเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม เพื่อคงไว้ซึ่งจุดยืนของประเทศไทยในการคุ้มครองสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การฉ้อโกงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ อันเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ ชีวิต ทรัพย์สินของประชาชน ทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก
โดยในหนังสือระบุถึงข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 8 เมษายน 68 มีชาวต่างชาติในพื้นที่จังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศสหภาพเมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ อ.แม่สอด และ อ.แม่ระมาด ซึ่งเป็นพื้นที่จีนเทากลุ่มสแกมเมอร์ออนไลน์ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ ที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว จำนวน 8,951 คน และส่งกลับผ่านประเทศไทย จำนวน 7,171 คน ในจำนวนนี้ส่วนมากเป็นกลุ่มสัญชาติจีน จำนวน 5,414 คน รองลงมาเป็นกลุ่มสัญชาติอินโดนีเซียและอินเดีย รวมทั้งคนสัญชาติอื่นๆ กว่า 30 สัญชาติ และยังเหลืออยู่ประมาณ 1,700 คน
รายงานจากเครือข่ายภาคประชาสังคม เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์แจ้งถึงกรณีที่เหยื่อในค่ายดีเคบีเอได้จัดการชุมนุมประท้วงเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น เนื่องจากมีความตึงเครียดทางจิตใจอย่างรุนแรง แม้สถานทูตบางแห่งพร้อมที่จะจ่ายค่าตั๋วให้แต่เหยื่อก็ยังคงติดอยู่ในพื้นที่ด้วยปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะต้นเดือนเมษายน 2568 ที่ผ่านมา กลุ่มมาเฟียชาวจีนได้เข้าไปในค่ายดีเคบีเอ และพยายามล่อเหยื่อให้กลับมาทำงานโดยอ้างว่าจะไม่ได้รับอันตรายอีก แต่ได้รับการปฏิเสธ และเกรงว่าหากอยู่ต่อไปจะเกิดอันตรายจึงได้จัดการประท้วง
รายงานระบุว่า สมาชิกมาเฟียชาวจีนเหล่านี้สามารถเข้าและออกจากค่ายได้อย่างอิสระ ทำให้เกิดความกังวลอย่างจริงจังว่าพวกเขาอาจจะกลับมาพร้อมกับอาวุธ หรือบังคับให้เหยื่อกลับไปถูกเอารัดเอาเปรียบอีกครั้ง เหยื่อหลายรายมองว่าพวกเขาคืออดีตผู้ล่วงละเมิด หรือข่มขืนพวกเขา และบอกว่าพวกเขาขอตายดีกว่าที่จะถูกจับกลับ และมีความสงสัยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่าทหารดีเคบีเอทำไมอนุญาตให้มาเฟียเข้าไปในค่ายได้อย่างไร ขณะที่ผู้ป่วย และหญิงตั้งครรภ์ยังคงรอความช่วยเหลือให้ออกมาจากพื้นที่นี้
ล่าสุด ทหารหน่วยเฉพาะกิจราชมนู อ.แม่สอด กองกำลังนเรศวร ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.พบพระ ยังคงเฝ้าระวังชายแดนไทย-เมียนมา บ้านช่องแคบ เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบหนีข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาเขตไทย