ศุภชัย ขอขายไอเดีย ‘ภูเก็ตปกครองตนเอง’ โมเดลพัทยา – เลือกผู้ว่าฯเหมือน กทม.

แฟ้มภาพ

‘ศุภชัย’ ขอขายไอเดีย ‘ภูเก็ตปกครองตนเอง’ เหมือนพัทยา – อยากเห็นเลือกตั้งผู้ว่า แบ่งเขตเหมือน กทม.

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายศุภชัย ใจสมุทร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ความเป็นจังหวัดภูเก็ต ที่มีศักยภาพสูงและเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับ นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต แล้วเห็นว่า ภูเก็ต ต้องปกครองตนเอง โดย Autonomous แต่ไม่ได้ Independent หรือไม่ได้แยกเป็นประเทศอิสระ

“เดี๋ยวมีคนบอกว่าแยกไม่ได้อีก ผมก็ว่าถ้าเอาสะพาน สารสินออกเมื่อไหร่ เราจะกลายเป็นประเทศภูเก็ต นี่คือตลกน้ำเน่ามาก จริงๆ ภูเก็ตที่เป็นอยู่ควรจะพัฒนา ด้วยเงินรายได้ต่อปีที่เข้าจังหวัด สูงถึงประมาณ 400,000 กว่าล้านบาท ต่อปี ต้องส่งภาษีทั้งหมดเข้าไปยังกงสีใหญ่ที่อยู่ที่โน่น

คือรายได้ของจังหวัดภูเก็ตส่งเข้าคลังหมดเลย แต่ครั้นจะส่งคืนมาภูเก็ตเท่าไหร่ มันตามใจรัฐบาลใหญ่ แต่ภูเก็ตควรจะมี เงินของตัวเอง ในการบริหาร ในระดับจังหวัด เป็นความคิดเห็นส่วนตัว” นายศุภชัยกล่าว

ADVERTISMENT

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ตนไม่รู้ว่าพรรคภูมิใจไทย จะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้หรือไม่ แต่เข้าใจว่าไม่น่าจะเห็นด้วย เพราะการแยก ปกครองพิเศษแบบเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ซึ่งประสบความสำเร็จ เป็นโมเดล แหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่

โดยปัจจุบัน เมืองพัทยา มีเงินมากพอที่จะบริหาร ขนาดเป็นเมืองจุดเล็กๆ แต่ที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยความที่เป็นเกาะ สามารถบริหารให้เป็นจังหวัด ที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ได้แบบกรุงเทพมหานคร หรือ เลือกตั้งนายกเมืองพัทยา แบบเดียวกัน

“ที่จังหวัดภูเก็ตมีเพียง 3 อำเภอ ถ้ามีการแบ่งเขตย่อยๆ เป็นเหมือนเขตในกรุงเทพมหานคร เป็น 36 เขตก็ได้ มีผู้อำนวยการเขต ซึ่งเป็นข้าราชการ และมีผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่มีการเลือกตั้งเป็นผู้บริหาร ต่างๆ ได้”

“เรื่องนี้ขอขายไอเดีย ผมขออนุญาตพูด ขณะนี้พรรคภูมิใจไทยกำลังเสนอร่าง พระราชบัญญัติ เรียกว่าภาษีบ้านเกิด หรือ HOMETOWN TAX ทุกคนในภูเก็ตที่นี่เสียภาษี เงินได้ ภงด 90 ภงด91 เวลาที่เสียทุกบาททุกสตางค์ ก็ไปเข้ากงสีเข้าคลังหมด

และสิ่งที่พรรคเสนอก็คือ สามารถที่จะระบุได้ว่า เงินภาษีที่เสียไป ไม่ว่าจะเป็น 2,000 5,000 หรือ 500,000 บาท ให้ระบุว่า ให้ไปลงที่ไหน อย่างเทศบาล เงินก็จะได้พัฒนาบ้านเกิดของเรา ในพื้นที่เทศบาล เมือง หรือนครภูเก็ต มันก็จะทำให้เงินทั้งหลายของคนภูเก็ต ที่ได้รับ ส่งมาใช้ในพื้นที่ภูเก็ต ส่วนผม ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดตรัง ตำบลท่าข้ามอำเภอปะเหลียน ก็ทำได้” นายศุภชัยกล่าว และว่า

และบริการถัดมาคือ กรณีการซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อ สาขาใดก็ตาม ซื้อเสร็จกินเสร็จ ดื่มเครื่องดื่มเสร็จ แล้วก็ทิ้งขยะอยู่ตรงนั้น เทศบาลก็ต้องมาเก็บขยะ แต่เงินรายได้ของนิติบุคคลแห่งนี้ ส่งไปกรุงเทพฯ ซึ่งตนไม่ได้ว่าร้านสะดวกซื้อ แต่บอกว่านิติบุคคล ไม่ได้จ่ายภาษีตรงนี้

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า ควรจะมีการเขียนเรื่องนี้ใหม่ และบอกว่าสถานประกอบการหากตั้งอยู่ในพื้นที่ใด ก็ควรจะต้องจ่ายภาษีให้พื้นที่นั้น เราจะได้มีกำลังใจในการทิ้งขยะ อย่างน้อยเทศบาลก็มี สตางค์ในการบริหารจัดการขยะ เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องคิด

“บอกตามตรงว่า เรื่องนี้ Copy จากญี่ปุ่นมาล้วนๆ แต่ที่นั่นเป็นกรณีการหักค่าลดหย่อน ในกรณีที่บริจาคเงินให้กับเขตหรือเทศบาล ของญี่ปุ่น แล้วเรื่องนี้เราก็คิดเพิ่มเติมว่า ที่ประเทศไทยควรจะทำมากกว่านั้น เป็นข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย และวันนี้ประเทศมันต้องเปลี่ยนแปลง นี่คือการกระจายอำนาจที่แท้จริง

แต่เฉพาะเจาะจงภูเก็ต ภูเก็ตควรที่จะต้อง เป็นเมืองที่ปกครองตนเอง เงินของคนภูเก็ต ไม่ต้องส่งไปที่โน่น 400,000 กว่าล้านบาท ที่สร้างรายได้ ไม่ต้องส่งคลังทั้งหมดเก็บไว้ที่ภูเก็ตบ้าง คนภูเก็ตจะได้ใช้บริหารจัดการต่อไป” นายศุภชัยกล่าว