เสียงสะท้อน ‘ด่านเกวียน’ ธุรกิจปั้นดินเผาซบเซา วอนรัฐหนุน-กระตุ้นท่องเที่ยว
ที่ บ้านด่านเกวียน หมู่ 10 ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา บรรยากาศภายในโรงปั้นดินเผาต่างๆ ยังคงมีคนงานปั้นดินเผากันอย่างขะมักเขม้น ท่ามกลางแสงแดดอ่อนยามเช้าในชุมชนหัตถกรรมด่านเกวียน โดยเฉพาะที่โรงงานเครื่องปั้นดินเผาสมศิริ ช่างฝีมือหลายชีวิตต่างมุ่งมั่นกับงานของตนเอง ทั้งนั่งปั้นภาชนะจากแท่งดิน ใช้พู่กันขึ้นลวดลายอ่อนช้อยบนพื้นผิว ลงสีพื้น และเคลือบผิวอย่างประณีต ก่อนนำเข้าเตาเผาอุณหภูมิสูงเพื่อให้ได้ความแข็งแกร่งของดินเผา แม้คำสั่งซื้อในช่วงนี้จะลดน้อยลงไปมาก แต่ทุกคนยังทำงานด้วยความตั้งใจ หวังให้ศิลปะบนเครื่องดินเผาที่มีเอกลักษณ์ของด่านเกวียนไม่หายไปจากความทรงจำของผู้คน
สิทธิโชค เปล้ากระโทก อายุ 34 ปี ทายาทรุ่นที่สองของโรงงานเครื่องปั้นดินเผาสมศิริ ผู้สืบทอดธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินกิจการมากว่า 25 ปี เปิดเผยว่า สถานการณ์ปัจจุบันของธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียนค่อนข้างหนัก บรรยากาศการค้าปลีกที่นี่ซบเซาลงมาก ลูกค้าที่ตั้งใจเดินทางมาซื้อของที่ด่านเกวียนลดลงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ลูกค้าที่ตั้งใจมาซื้อถึงที่ด่านเกวียนแทบจะไม่มี กลุ่มลูกค้าหลักของโรงงานตอนนี้จะเป็นพ่อค้าแม่ค้าขายส่ง ที่นำสินค้าไปจำหน่ายต่อ โดยติดต่อผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก การอยู่รอดของร้านค้าปลีกในปัจจุบันต้องเป็นผู้ประกอบการที่ผลิตเอง หรือมีขั้นตอนบางส่วนในกระบวนการผลิตถึงจะพออยู่ได้ ส่วนคนที่รับมาขายเองแบบไม่มีการผลิตเลยจะอยู่ได้ค่อนข้างยาก ยกเว้นว่าจะมีฐานลูกค้าเดิมที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว โดยตนพยายามปรับตัวโดยเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ทั้งขนาด รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด ลูกค้าอยากได้ไซซ์ไหน ก็จะทำไซซ์นั้น ไม่มีแบบตายตัว และยังพยายามจัดสินค้าเป็นชุดเพื่อช่วยลดต้นทุนการขนส่ง
ตลาดในตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นในประเทศประมาณ 80-90% โดยเฉพาะโซนหัวหินที่ยอดขายดี ส่วนต่างจังหวัดก็ยังพอมีลูกค้ากระจายอยู่ทั่วทุกภาค สำหรับตลาดต่างประเทศ ตอนนี้มีเพียงลาวที่ยังมี ลูกค้าซื้อโดยตรง ส่วนตลาดยุโรปและอเมริกาแทบจะหายไปทั้งหมด เพราะต้นทุนค่าขนส่งกับภาษีมันสูงมาก สินค้าส่งออกขนาดที่ได้รับความนิยมจะเป็นขนาดกลางถึงใหญ่ เพราะขนาดเล็กขายไม่ค่อยดีนัก
สิทธิโชคกล่าวอีกว่า ในอดีต ต.ด่านเกวียน เคยเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไม่ขาดสาย แต่ปัจจุบันคนมาเที่ยวดูเครื่องปั้นดินเผาลดลงมาก ส่วนใหญ่ที่ยังเห็นจะเป็นนักเรียน นักศึกษาที่มากับทัวร์ของหน่วยงานราชการหรือสถานศึกษา นักท่องเที่ยวทั่วไปที่ตั้งใจมาเที่ยวชมกระบวนการขั้นตอนการทำเครื่องปั้นเดินเผาจริงๆ แทบไม่มีเลย ปัจจัยที่กระทบมากอีกอย่างก็คือเรื่องราคาน้ำมัน ค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่สูงขึ้นมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้ามาก เพราะด่านเกวียนไม่ได้อยู่บนเส้นทางหลัก คนที่จะมาที่นี่ต้องตั้งใจมาซื้อจริงๆ ถ้าไม่ตั้งใจมาเลยก็จะไม่แวะ เพราะค่าใช้จ่ายสูง ทั้งค่าขนส่งก็เพิ่มตาม ทำให้ค้าปลีกยิ่งเหนื่อย
“ตอนนี้ก็ต้องพยายามรักษาฐานลูกค้าเก่าให้มากที่สุด เพราะลูกค้าใหม่ที่ตั้งใจมาซื้อถึงด่านเกวียนนั้นมีน้อยมาก ยังไม่เห็นการสนับสนุนที่ชัดเจนจากภาครัฐ ถ้ามีการส่งเสริมเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ จริงๆ ก็น่าจะช่วยได้ แต่ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน และสอดคล้องกับความหลากหลายของผู้ประกอบการในพื้นที่ ถ้าไม่มีการสนับสนุนใดๆ แนวโน้มของธุรกิจก็คงซบเซาลงต่อเนื่องแน่นอน” สิทธิโชคกล่าว
ด้าน นางสุพรรณา พัสกรภักดี อายุ 56 ปี เจ้าของร้านมดแดงดินเผา ต.ด่านเกวียน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา และประธานชมรม ผู้ประกอบการเครื่องปั้นดินเผาด่านเกวียน กล่าวว่า สถานการณ์ ในตอนนี้ถือว่าเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา โดยยอดขายลดลงถึง 70-80% ผู้ประกอบการบางรายขายของไม่ได้เลยแม้แต่บาทเดียวในแต่ละสัปดาห์ ส่วนใหญ่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง โดยหันมาใช้สื่อออนไลน์ในการหาลูกค้าแทนการรอที่หน้าร้านเหมือนในอดีต บางครอบครัวต้องให้ลูกหลานออกไปทำงานโรงงานเพื่อหารายได้จุนเจือ เพราะธุรกิจเครื่องปั้นดินเผาที่เคยเป็นอุตสาหกรรมครอบครัวไม่สามารถพึ่งพาได้อีกต่อไป
จากเดิมที่มีร้านค้ากว่า 300 แห่ง ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 250 แห่ง เตาเผาจากเดิม 120 เตา ตอนนี้เหลือเพียง 40-50 เตาเท่านั้น ผู้ประกอบการหลายรายต้องหยุดกิจการไปเพราะผลิตแล้วขายไม่ได้ อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เคยสนับสนุน ก็เงียบหายไปในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้แต่การอบรมด้านตลาดออนไลน์ก็ไม่มีอีกแล้ว
“สิ่งที่ต้องการเร่งด่วนที่สุดตอนนี้คือการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้คนทั่วไปหันกลับมาสนใจมาท่องเที่ยว มาดูภูมิปัญญาท้องถิ่นและกระบวนการผลิตเครื่องปั้นดินเผา เพราะคนด่านเกวียนมีฝีมือและสามารถผลิตได้ตามสั่งอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดช่องทางขายและการโปรโมต หากมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ ธุรกิจที่นี่ก็จะกลับมา เดินหน้าได้อีกครั้ง” นางสุพรรณากล่าว