เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ว่าที่ ร.อ.พงศ์ศักดิ์ เวทยาวงศ์ นายอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม พ.ต.อ.ธานัท จิราธนะกุล ผกก.สภ.ท่าอุเทน น.ท.กริช กองศรี หน.สน.เรือบ้านแพง พ.ต.ต.ศักดิ์ชัย บุญภิโย ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 237 ร.อ.วรยุทธ คำสี ผบ.ร้อย ทพ.2107 ร.ต.ถาวร ชะสิงห์ ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 3 กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมเรือแพขนานยนต์ และรถกระบะของกลางที่ขณะนี้จมอยู่ในแม่น้ำโขง บ้านนาข่าท่า หมู่ 8 ต.พะทาย ซึ่งอยู่กลางชุมชน
จากกรณีที่สายข่าวสืบทราบว่า ขบวนการค้ารถยนต์ข้ามชาติเตรียมจะนำรถส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน จึงบูรณาการวางแผนติดตามการเคลื่อนไหว โดยวางกำลังตรงจุดเสี่ยงตลอดเส้นทาง กระทั่งเวลา 02.30 น. ช่วงชาวบ้านนอนหลับพักผ่อน มีเสียงเรือแพขนานยนต์ขนาดใหญ่ ซึ่งดัดแปลงเป็นเรือบรรทุกรถยนต์โดยเฉพาะ แล่นข้ามแม่น้ำโขงจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาจอดเทียบท่ากลางหมู่บ้านห่างจากวัดเล็กน้อยแล้วดับเครื่องยนต์
ก่อนจะมีคนในเรือจำนวน 4 คนนำไม้กระดานวางพาดเพื่อเตรียมนำรถยนต์ส่งขาย จากนั้นไม่นานก็มีรถยนต์ไม่ทราบประเภท สี และขนาด วิ่งมาจากทางหลวงชนบท เข้ามาจอดตรงทางลงบันได มีชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คนออกมาจากที่ซ่อนเพื่อช่วยกันนำรถลงเรือแพ เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่จึงส่งสัญญาณ กลุ่มคนร้ายรีบเหยียบคันเร่งพยายามนำรถลงเรือให้สำเร็จ ขณะที่คนขับเรือสตาร์ตเครื่องเบนหัวเรือออกจากฝั่ง จังหวะเดียวกันกับที่รถกระบะวิ่งลงจากที่สูงกำลังจะขึ้นแพ แต่หัวเรือเบนออกไปแล้วทำให้รถกระบะพุ่งลงแม่น้ำโขงค่อยๆ จมลงต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่ กลุ่มคนร้ายเห็นจวนตัวจึงสละเรือโดดลงน้ำ หนีเอาตัวรอดคนละทิศละทาง ส่วนพวกที่อยู่ริมฝั่งก็อาศัยความมืดเผ่นหนีเช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจยึดเรือแพของกลางไว้ตรวจสอบ ส่วนรถกระบะรอชุดประดาน้ำจากหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) มากู้ขึ้นจากแม่น้ำโขง
จากการตรวจสอบเรือแพที่ดัดแปลงสำหรับบรรทุกรถยนต์นั้น มีขนาดยาว 12 เมตร กว้าง 2 เมตร ผลิตด้วยเหล็กทั้งลำ ติดเครื่องยนต์ดีเซล ยี่ห้อนิสสัน ฝาแดง 4 สูบ ราคาประมาณ 3 แสนบาท ส่วนทางลงบันไดจากริมฝั่งนั้น ตำรวจ ตชด.237 ใช้วงท่อน้ำมาหล่อยึดเพื่อป้องกันการลักลอบขนรถยนต์ส่งขาย แต่ต่อมาถูกกลุ่มคนร้ายมางัดออกแล้วหล่อใหม่ หวังตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยการทำเหมือนของเดิมแต่ข้างในกลวง สามารถเคลื่อนย้ายได้ จึงจะสืบสวนหาตัวซึ่งน่าจะเป็นคนในหมู่บ้าน ที่ทำงานรับจ้างลักลอบรถยนต์ขายประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำกันเป็นขบวนการ โดยมีคนในพื้นที่ร่วมมือ ซึ่งท่าน้ำแห่งนี้ใช้เป็นท่าขนส่งรถยนต์ตามใบสั่งเป็นประจำ อดีตมีตัวเลขลักลอบส่งขายประมาณเดือนละ 100 คัน ภายหลังถูกเจ้าหน้าที่บูรณาการตรวจยึดประจำ ท่านี้จึงถูกลดความสำคัญลง แก๊งค้ารถยนต์ข้ามชาติจึงเบนหาท่าน้ำแห่งใหม่ และคิดว่าเจ้าหน้าที่เผลอจึงย้อนเอารถยนต์มาลงอีกครั้งแต่ก็ถูกสกัดจับดังกล่าว หลังลงบันทึกเตรียมมอบเรือแพของกลางส่ง สภ.ท่าอุเทนดำเนินการต่อไป
