เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ได้มีการแชร์คลิปในโลกโซเชียล ถึงการกระทำของชายคนหนึ่งเดินเข้าไปชกชายสูงอายุภายในสำนักงาน 3 ครั้ง ก่อนออกจากห้องได้เดินไปชกหน้าอีก 1 ครั้ง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ในสำนักงานต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ได้มีการแสดงความคิดเห็นถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่าไม่เหมาะสม
จากการตรวจสอบพบว่า คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน “สำนักงานกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช” โดยผู้ถูกทำร้าย คือ นายปัตย์ รองเมือง ผู้จัดการสำนักงานโครงการกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งนายปัตย์ กล่าวว่า คลิปดังกล่าวเป็นภาพของตนจริง ส่วนคนในคลิปที่เดินมาชกตนเป็น “ผู้ใหญ่บ้าน” คนหนึ่งในพื้นที่ อ.ขนอม และเป็นบริษัทผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างงานภายในสำนักงาน วงเงิน 2.1 ล้านบาท โดยแบ่งงานออกเป็น 5 งวด โดยงวดที่เกิดเหตุเป็นงวดที่ 4 งานก่อสร้างท่อระบบน้ำเสีย ในฐานะตนเป็นคณะกรรมการตรวจรับจ้าง ตรวจพบบริเวณฝาท่อทิ้งน้ำเสียไม่ตรงสเปก จึงเรียกช่างก่อสร้างมาแจ้งเพื่อให้แก้ไขก่อนส่งงาน แต่ไม่ทราบว่าช่างดังกล่าวไปบอกผู้ใหญ่บ้านอย่างไร จากนั้นไม่นานผู้ใหญ่บ้านคนนี้เดินมาหาตนภายในสำนักงาน ชกตน 3 ครั้ง ทำให้ได้รับบาดเจ็บก่อนเดินออกไปจากสำนักงาน
หลังเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา ตนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ พงส.สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราชแล้ว เพราะถือว่าการปฎิบัติหน้าที่ของตนทำถูกต้อง โดยบอกให้ช่างแก้ไขงานให้ถูกต้อง เนื่องจากตนเป็นคณะกรรมการตรวจสอบ หากไม่เป็นไปตามแบบตนจะมีความผิด แต่ถึงขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่ถูกทำร้าย ล่าสุด วันนี้ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแล้ว
ด้าน พ.ต.ท.วชิรพันธุ์ เกื้อแก้ว รอง ผกก.สภ.ขนอม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นายปัตย์เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว เบื้องต้นทราบว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.ขนอม ในวันนี้ได้เรียกตัวมาเพื่อสอบปากคำแล้ว และอยู่ระหว่างรอผลการตรวจของแพทย์
นายกิตติพันธุ์ เพชรชู นายอำเภอขนอม กล่าวว่า ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เป็นการทะเลาะในเรื่องส่วนตัวกัน เป็นเรื่องของการทำธุรกิจส่วนตัวกัน ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความร้องทุกข์แล้ว ส่วนของผู้รับเหมาทราบว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องเรียกมาตรวจสอบว่าใช้อำนาจของผู้ใหญ่บ้าน หรือ ผู้รับเหมา เรื่องที่เกิดขึ้นให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ กองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า จัดตั้งขึ้นตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีตามมติของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า อาทิ การพัฒนาอาชีพ การสนับสนุนด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม ประเพณี กีฬาและดนตรี รวมทั้ง ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดยมีคณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งมาจากผู้แทนภาคประชาชน ผู้แทนจากภาครัฐ โรงไฟฟ้า และผู้ทรงคุณวุฒิ ทั้งนี้กรรมการผู้แทนภาคประชาชนจะมีจำนวนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด ร่วมกันทำหน้าที่จัดสรรเงินกองทุน ให้ตอบสนองตรงต่อความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง
