เมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 3 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายครั้งกลุ่มก่อความไม่สงบที่ไม่สามารถกระทำต่อจ้าหน้าที่ได้ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมักเบนเป้ากระทำต่อประชาชน ครู พระสงฆ์ ที่เป็นเป้าหมายอ่อนแอ พบการลอบทำร้ายต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพระสงฆ์ จึงทำให้หลายฝ่ายต่างจัดมาตรการดูแลความปลอดภัยให้สามารถประกอบศาสนกิจได้อย่างครบถ้วน จากปัญหาดังกล่าวทำให้หลายวัดมองว่าแนวทางช่วยเหลือจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ทำได้ยาก จึงริเริ่มให้ชาวบ้านเป็นผู้ร่วมเสนอความคิดเห็น หรือแนวทางเสริมให้ชาวบ้านสามารถเดินทางทำบุญตักบาตร โดยเฉพาะห้วงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาในห้วงนี้
ล่าสุด ที่วัดหัวตลาด เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ได้มีแนวความคิดช่วยสร้างความปลอดภัยแก่ประชาชนทุกคนจากให้ปลอดภัยจากสถานการณ์ความไม่สงบ ซึ่งชาวบ้านมีมติและแนวความคิดให้จัดโต๊ะยาวสำหรับนำอาหารคาวหวานให้ผู้มาทำบุญใช้เป็นจุดรวมสิ่งของเตรียมใส่บาตร โดยทุกเช้าตั้งแต่เวลา 07.00 น. จะมีพระสงฆ์ จากวัดต่างๆ มาร่วมกันเดินรับบาตรภายในวัดแทนความเสี่ยงของพระสงฆ์และประชาชนที่ออกไปนอกวัด ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดกระแสโจมตีและมีการร้องเรียนว่าลูกวัดบางรายนำอาหารคาวหวานมาเวียนขายให้กับบรรดาแม่ค้าหัวใส
นางเสาวณี ทองนาโท อายุ 48 ปี กล่าวว่าตอนนี้มีการปรับวิธีให้พระสงฆ์ได้รออกบิณฑบาต จากประชาชนที่มารวมตัวคอยใส่บาตรช่วงเช้าทุกวัน ตรงนี้ดีมากๆ เพราะจะทำให้ทั้งพระสงฆ์และชาวบ้านเองมีความปลอดภัยมากกว่าต้องรอคอยใส่บาตรตามท้องถนน จากนั้นยามที่ใส่บาตรแล้วก็สามารถกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลได้ด้วย
นางอัจฉราพร นุ่มผ่อง อายุ 49 ปี กล่าวว่าเห็นด้วยที่จัดเตรียมสถานที่ไว้สำหรับให้ประชาชนสามารถเข้ามาทำบุญตักบาตรภายในวัดได้อย่างสะดวกปลอดภัย ที่สำคัญยังเป็นกิจกรรมช่วยให้รู้จักกันและกันด้วย เพราะก่อนนี้การคนต่างใส่บาตรเสร็จ ต่างคนก็แยกย้ายกันเข้าบ้านตนเอง แต่พอมีกิจกรรมใส่บาตรร่วมกันแบบนี้ จะเป็นการเสริมสร้างช่วยให้เกิดความรักความสามัคคี ทำให้ทุกคนคุยและรู้จักกัน ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นยังมีทหารที่คอยดูแลความปลอดภัยห่างๆ ด้านหน้าวัดช่วยให้มีความอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.ฉก.ปัตตานี ขอความร่วมมือสื่อหลักช่วยประชาสัมพันธ์ และความเข้าใจที่ถูกต้องต่อกรณีกลุ่มผู้ไม่หวังดีได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารว่าในพื้นที่ อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้มีการบังคับใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลา 1 เดือน โดยจะมีการปิดล้อมตรวจค้นบ้านทุกหลัง ตลอดจนห้ามพี่น้องประชาชนรวมตัวเกิน 3 คน หากมีการรวมตัวจะถูกจับกุม ขอชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง
