จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ทองคำร้านดังกลางเมืองพิษณุโลก

เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายบุกเดี่ยวหินทุบตู้ชิงทองร้านดังกลางเมืองได้หลังจากหนีหลบไปอยู่กลางสวนยางพารา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับสารภาพนำทองไปขายใช้หนี้พนัน โดยก่อนลงมือก่อเหตุมีการเตรียมการมาก่อน หลังจากได้ทอง 20 วง ก็ให้ญาตินำไปขายแล้ว 6 วง เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย สุดท้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแกะรอยจับกุมตัวในที่สุด

เวลา 12.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม ที่ สภ.เมืองพิษณุโลก พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทรงพล สังข์เกษม ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก แถลงข่าวจับกุมตัวนายอนุชิต ทองแสงเขียว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 2 ต.อรัญญิก อ.เมือง จ.พิษณุโลก ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านห้างเพชรทองโชกุน เลขที่ 163-165 ใกล้กับวงเวียนหอนาฬิกา ถนนบรมไตรโลกนารถ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้ที่บ้านใหม่ชัยเจริญ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางแหวนทองคำหนัก 2 สลึง 14 วง เสื้อคลุม เสื้อกล้าม หมวกกันน็อก และรถ จยย.ฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอที่ใช้ในการก่อเหตุ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมีนายภาสกรและนางดวงกมล ศักดิ์พงศธร อายุ 47 ปี เจ้าของร้านห้างเพชรทองโชกุน มาดูของกลาง พร้อมยืนยันว่าใช่แหวานทองคำที่คนร้ายขโมยไป เนื่องจากทุกวงมีชื่อร้านสลักไว้

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอนุชิตให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากติดหนี้พนันหลายอย่าง จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุโดยขี่รถจักรยานยนต์มาดูลาดเลาหลายรอบ สบโอกาสจังหวะพอดีไม่มีใครอยู่เฝ้าหน้าร้าน จึงเดินเข้าไปใช้ก้อนหินทุบที่ตู้กระจกร้านทอง ได้แหวนทองคำไปจำนวน 20 วง จากนั้นก็ได้ขับขี่รถหนีไป โดยมีการเปลี่ยนชุดเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ในการติดตามจับกุม แล้วหลบหนีไปกบดานที่บ้านพักที่บ้านใหม่ชัยเจริญ จากนั้นให้ญาตินำแหวนทองไปขายแล้วจำนวน 6 วง เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้

พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า คดีนี้ถือว่าเป็นคดีอุกอาจประชาชนให้ความสนใจทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แกะลอยทางกล้องวงจรปิดติดตามรถจักรยานยนต์ของคนร้ายไปตามจุดต่างๆ พร้อมทั้งตรวจสอบสภาพแวดล้อม จึงสามารถจับกุมตัวนายอนุชิตได้ในที่สุด โดยนายอนุชิตผู้ต้องหาคาดว่าก่อนลงมือจะมีการวางแผนในการก่อเหตุเป็นอย่างดี เนื่องจากมีการเตรียมการลงมือก่อเหตุ สักหนวดและโกนผมเพื่ออำพรางปิดบังใบหน้า และเตรียมชุดมาเปลี่ยนระหว่างหลบหนี ซึ่งก่อนหน้าที่ได้วนไปดูร้านทองแห่งหนึ่งแล้ว 1 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้ลงมือ เนื่องจากมีคนพลุกพล่าน จึงได้หันรถมาดูที่ร้านโชกุน ซึ่งก่อนลงมือก่อเหตุก็ได้เฝ้าดูหน้าร้านมีคนเข้าออกหรือไม่ จนกระทั่งสบโอกาส จึงได้นำก้อนหินในกระเป๋าที่เก็บมาจากระหว่างทาง มาทุบชิงทองดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ยากเพราะผู้ต้องหาเตรียมการมาเป็นอย่างดี แต่มีตำหนิที่รถจักรยานยนต์ อาทิ ด้ายสายสิญจน์ และสติ๊กเกอร์ที่ขาด จนสามารถแกะรอยจับกุมตัวคนร้ายได้ดังกล่าว

Advertisement

โดยหลังจากแถลงข่าวเสร็จทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณร้านทองจุดเกิดเหตุดังกล่าว ท่ามกลางบรรยากาศประชาชนที่มายืนดูโฉมหน้าคนร้ายที่มาก่อเหตุจำนวนมาก ก่อนนำไปดำเนินคดีในข้อหาก่อเหตุลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองทรัพย์และใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image