หนุ่มใหญ่วัย49 ติดเชื้อHIV สู้ชีวิตเลี้ยงดูแลแม่ตาบอด ตอบแทนมากว่า10 ปี ไม่ย่อท้อ

วันนี้ 1 ก.ย.60 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีหนุ่มใหญ่วัย 49 ปี ติดเชื้อเอดส์ หรือ HIV มาจากแฟนสาว แต่มีความกตัญญูทำมาหากิน – ดูแลแม่ซึ่งตาบอดมาตลอดกว่า 10 ปี มีฐานะยากจน อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านอ่างหิน ม.4 ต.ย่านรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ

เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงจากพื้นประมาณ 50 ซม.สภาพเก่าผุพังตามกาลเวลา หลังคามุงด้วยสังกะสีมีร่องรอยของการผุกร่อนเป็นรูโหว่ทั้งแถบ พอกันแดดกันฝนได้บ้าง ฝาบ้านเองก็มีสภาพเดียวกัน ภายในบ้าน แทบไม่เฟอร์นิเจอร์ หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ มีตัวบ้านโล่ง ๆ มุ้ง กับ ที่นอนเก่าๆ เสื่อผืนหมอนใบก็ว่าได้

พบนายวีรพล 49 ปี โดยหนุ่มใหญ่กล่าวว่า “บ้านหลังนี้ตนอยู่กับแม่ 2 คน มีนางหงษ์ ลาทอง อายุ 78 ปี ผู้เป็นแม่ ในครอบครัวมีพี่น้อง 5 คน ชาย 2 หญิง 3คน ตนเอง เป็นคนที่ 3 เมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา แม่ตาตาบอดเนื่องจากตาเป็นต้อเนื้อบวกกับต้อกระจก จนมองอะไรไม่เห็น เห็นแต่พอรางๆอาศัยมือและความเคยชินได้แต่นั่ง และอาศัยความจำเสียงลูกหลานเอาเท่านั้น” นายวีรพลกล่าว

และกล่าวต่อไปว่า “เองนั้นได้เคยแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งอายุอ่อนกว่าตนไม่กี่ปีได้รู้จักกันที่โรงงานปี 2551 ซึ่งตอนนั้นตนทราบดีว่าเธอคนนั้นเคยมีครอบครัวมาแล้ว 2 ครั้ง หลังจากอยู่กินกันมาราว 4-5 ปี ตนก็รู้สึกว่าร่างกายตนเองผิดปกติ โดยเริ่มจากมีน้ำหนักลดลงจากที่ร่างกายแข็งแรงภรรยาเองก็เช่นกันจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาล ทางหมอผู้ตรวจรักษาก็ยังไม่บอกผลการตรวจเลือด ตนก็ได้ขอให้หมอตรวจเลือดอีกครั้ง ในเวลาต่อมาซึ่งหมอได้บอกว่า ให้ทำใจว่าผลตรวจเลือดติดเชื้อ HIV ให้รักษาตัวทำตามที่หมอบอก จากนั้นมาไม่นาน แฟนก็ขอเลิกจึงแยกทางกัน แต่ไม่มีลูกด้วยกัน

Advertisement

หลังจากที่แยกทางกับภรรยาแล้วตนเองก็ได้พยายามทำใจ มีสติปรับตัวดูแลรักษาตัวเอง กินยาที่หมอให้มา จากอาการทรุดผอมน้ำหนักลดช่วงระยะหนึ่ง ตนก็ออกจากงานเพราะทำงานไม่ไหวไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเพื่อนๆร่วมงานรู้ว่าตนเองเป็นคนขยันขันแข็ง เมื่อออกจากงานก็อาศัยรับจ้างทำงานรายวันในหมู่บ้าน เช่น งานในไร่ในสวน รับจ้างทำงานทั่วไป ซึ่งคนในหมู่บ้านก็ไม่เคยรังเกียจตนเพราะทุกคนรู้ว่าตนเป็นคนขยันทำมาหากินซื่อสัตย์

แต่ตอนนี้ตนเอง ไม่มีงานทำ จึงไม่มีเงินใช้จ่ายในครัวเรือน มีรายได้จากพี่น้อง ส่งมาให้ตน เพื่อไว้เลี้ยงดูแลแม่ ซึ่งพี่น้องต่างก็มีภาระมีครอบครัวที่ต้องดูแล เงินที่พี่น้องส่งมาให้นั้นเดือนละ 2-3 พันบาทและมีเงินผู้สูงอายุ กับ เงินคนพิการของแม่เท่านั้น

ตนเองไม่มีงานทำ นานๆมีคนมาจ้างไปทำงานในไร่ ก็ไปพอได้เงินมาไว้ใช้จ่ายเลี้ยงดูแลแม่ ทุกวันนี้ตนทำใจได้แล้วไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง บางครั้งตนกับแม่ได้คุยกันและต่างคนต่างให้กำลังใจกันและกัน

Advertisement

บ้านที่อยู่ พออยู่ได้ เวลาฝนตกจะพาแม่ไปอยู่ที่บ้านญาติข้างๆกัน บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อสร้างไว้กับแม่เมื่อ 60 ปีที่ผ่านมา พออยู่ไปวันๆหนึ่ง ทุกวันนี้ตนสู้กับโรคร้ายอย่างไม่เกรงกลัว อยู่เพื่อดูแลแม่ที่ตาบอด ไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนใคร ระหว่างแม่กับลูก ซึ่งเป็นโรคร้ายติดตัวอยู่ทุกวันนี้ และก็คอยหุงข้าวทำกับข้าวให้กินทุกวันๆและอาบน้ำให้แม่อย่างไม่รังเกียจและก็ไม่เคยบ่นว่าเป็นภาระสักคำเดียว”

“ขอให้กำลังใจผู้ที่ติดเชื้อโรคร้าย ให้ทำใจ ให้เข้มแข็ง ทำใจให้สงบ สิ่งที่เกิดขึ้นอย่าโทษใครอย่าโทษตนเองให้ปลง ถือว่ามันเป็นเวรกรรมของเราทุกคนเกิดมาต่างมีเวรกรรม เกิดมาเพื่อชดใช้เวรกรรมวาระสุดท้ายทุกคนหนีไม่พ้นความตายด้วยกันทุกคนผู้ใดอยากช่วยเหลือติดต่อสอบถามและให้กำลัง ใจนายวีรพลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 092 3907031 หรือจะบริจาคเงินช่วยเหลือที่ธนาคารกรุงเทพ สาขากบินทร์บุรีหมายเลขบัญชี 286 505 9816 ” นายวีรพลกล่าวอย่างปลงกับชีวิต

ด้านนางหงษ์ ลานอก แม่ที่ตาบอด กล่าวว่า “ให้กำลังใจลูกเสมอๆ ซึ่งลูกชายก็บอกว่าจะสู้กับชีวิตที่เลวร้ายให้ได้ และ จะสู้กับมันจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ หลายครั้งได้ยินลูกชายบอกว่า แม่ไม่ต้องห่วงทุกวันนี้อาการก็ไม่มีอะไรน่าวิตกสุขภาพก็ไม่มีอะไรที่แสดงออกมาให้เห็นให้คนรังเกียจ ตนยังไม่เห็นสิ่งที่น่ารังเกียจให้เห็น เช่น ร่างกายมีแผลมีตุ่มขึ้นตามตัว กินยาที่หมอให้มาและยาสมุนไพรต่างๆที่หามาได้หรือคนบอกมาว่ายาดีแก้โรคร้าย” นางหงษ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image