เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 ก.ย. 60 เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิฮิลลาลอะห์มัร อ.เมือง จ.นราธิวาส ได้รับแจ้งมีเหตุเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ติดอยู่ในเครื่องซักผ้า จึงได้นำกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิจำนวนหนึ่งเดินทางไปทำการช่วยเหลือ
พบเด็กหญิงนี นามสมมุติ ยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่ภายในถังปั่นแห้งของเครื่องซักผ้า ที่วางไว้บริเวณหน้าบ้านพัก โดยมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าวจำนวนหนึ่ง ได้ทำการช่วยเหลือแล้ว แต่ไม่สามารถนำขาด้านขวาของเด็กหญิงนี ขึ้นมาจากถังปั่นแห้งของเครื่องซักผ้าได้ เนื่องจากขาด้านขวา ปลายเท้าได้เข้าไปติดที่บริเวณก้นถังปั่นแห้ง ที่แตกชำรุดจากน้ำหนักตัยที่เหยียบลงไป และมีส่วนก้นถังของถังปั่นแห้งได้ล็อกขาไว้โดยรอบ
เนื่องจากเครื่องซักผ้าดังกล่าวผ่านการใช้งานมานานจนถังปั่นแห้งเสริมคุณภาพ และสามารถแตกร้าวโดยง่ายหากมีน้ำหนักกดลงไปที่ก้นถังปั่นแห้ง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ตัดสินใจใช้เลื่อยเหล็กในการตัดถังปั่นแห้งพลาสติก เพื่อนำขาของเด็กหญิงนี ขึ้นมา แต่ด้วยช่องว่างระหว่างถังปั่นแห้งกับเครื่องซักผ้ามีความแคบ เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เลื่อยตัดถังพลาสติกไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็ได้ประเมินว่าไม่สำเร็จ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยเมตตาธรรม เพื่อขอสนับสนุนเครื่องตัดถางมาทำการตัดถังปั่นแห้งของเครื่องซักผ้า และสามารถช่วยนำขาด้านขวาของเด็กหญิงนี ออกมาได้ด้วยความปลอดภัย
จากการสอบถามทราบว่า ในช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุบิดาและมารดาของ เด็กหญิงนี นามสมมุติ ได้เดินทางไปจ่ายกับข้าวที่ตลาด และได้ปล่อยให้เด็กหญิงนี อยู่บ้านกับตา และในระหว่างนั้นเด็กหญิงนี ได้เล่นซ่อนหากับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน เเละได้ปีนเก้าอี้ลงไปซ่อนในถังปั่นแห้งของเครื่องซักผ้า และระหว่างที่ลงไปนั้นขาได้ไปเหยียบที่ก้นถังปั่นแห้งจนก้นถังปั่นแห้งแตกและได้ล็อกขาเอาไว้ จึงได้ร้องไห้เพื่อนๆที่เล่นอยู่ด้วยกันช่วย
โดยได้ไปบอกกับตาของเด็กหญิงนี เเละเมื่อเพื่อนบ้านทราบข่าวจึงได้ช่วยกันเพื่อนำขาของเด็กหญิงนี ออกจากถังปั่นแห้งแต่ไม่สำเร็จ จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือดังกล่าว
เหตุการณ์นี้ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับผู้ปกครองที่มีบุตรหลานซุกซน ช่วยย้ำเตือนเด็กหรือเก็บเครื่องซักผ้าไว้ที่มิดชิด หากเป็นไปได้หากไม่ใช้เครื่องซักผ้าแล้ว ควรหาสิ่งของมาทับปิดเครื่องซักผ้าไว้เพื่อเป็นการป้องกันอันตราย มิเช่นนั้นบุตรหลานอาจจะเกิดเหตุในลักษณะนี้ได้