วันที่ 21 มี.ค.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมคิด น้อยนรินทร์ สารวัตรแขวงบำรุงทางกาญจนบุรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการปรับปรุงทางรถไฟเส้นทางสายธนบุรี-น้ำตกว่า การปรับปรุงตั้งแต่สถานีรถไฟหนองปลาดุก จังหวัดราชบุรี ไปจนถึงสถานีน้ำตก อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี รวมระยะทางประมาณ 126 กิโลเมตร ได้ทำการเปลี่ยนหมอนรางและรางใหม่ตลอดทั้งเส้น หลังชุดเก่าเริ่มทรุดโทรมจาการใช้งานมานาน โดยเปลี่ยนรางจากเดิมคือ 70 ปอนด์/หลา เป็นรางขนาด 100 ปอนด์/หลา ที่จะรับน้ำหนักรถได้ดีขึ้น ทำให้รถวิ่งได้ไวและนิ่มขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนหมอนไม้ หรือหมอนคอนกรีตเดิม เป็นหมอนคอนกรีตอัดแรงใหม่ และเปลี่ยนประแจเดิมที่มีขนาดเล็ก เป็นประแจ 100 ปอนด์ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพิ่มความหนาหิน ที่ทำให้รับน้ำหนักได้ดีขึ้น และลดแรงสั่นสะเทือนได้มากขึ้น เมื่อทางแน่น รถไม่ยวบไม่ส่าย จะทำให้รถไฟวิ่งใช้ความเร็วได้ตามปกติ และหากทางตรงจุดไหนพื้นทางแย่มากก็จะรื้อทางรถไฟออกแล้วปรับพื้นใหม่ ซึ่งจะทำให้รถวิ่งเร็วขึ้นจากเดิม 40 กม./ชม. เป็น 90 กม./ชม. ซึ่งล่าสุดปรับปรุงแล้วเสร็จกว่า 96% เหลือเพียงติดตั้งประแจสับเปลี่ยนเส้นทาง ย่านสถานีกาญจนบุรี เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในวันที่ 17 มิ.ย. ที่จะถึงนี้
รายงานระบุว่า ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางสาย ธนบุรี-น้ำตกทุกวัน และจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ – น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการปรับปรุงรางใหม่ทั้งหมด ระยะทางประมาณ 335 เมตร ส่วนหมอนรองราง ซึ่งเป็นไม้ ปัจจุบันบางจุดมีสภาพเก่าผุพังตามกาลเวลา เจ้าหน้าที่ได้ทำการเปลี่ยนนำหมอนไม้ใหม่เข้าไปแทนที่ประมาณ 50% นอกนั้นยังคงเป็นหมอนไม้เดิม และในส่วนของเสา ขื่อ และธรณี ยังคงเป็นไม้เหมือนเดิมเช่นกัน เพื่ออนุรักษ์และคงสภาพความเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ของทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ไว้
ส่วนกรณีหินถล่มทับเส้นทางช่วงถ้ำกระแสเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสำรวจพบว่าเส้นทางบริเวณถ้ำกระแส หลัก กม.ที่ 174 และ บริเวณถ้ำชะนี หลัก กม.ที่ 180 เป็นจุดล่อแหลมเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการแก้ไขด้วยการนำตาข่ายป้องกันหินร่วงไปติดตั้ง ซึ่งปัจจุบันแล้วเสร็จไปแล้วบางส่วน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนรางรถไฟยกชุดครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งงานในการยกระดับมาตรฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้มีมาตรฐานการบริการที่ดี สามารถรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงการเปิด AEC ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับการท่องเที่ยวของกาญจนบุรีและประเทศไทยได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการรองรับโครงการก่อสร้างระบบรถไฟรางคู่ในอนาคตอีกด้วย
