จากกรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ “Aziz Yotharak” ได้แพร่ภาพสดทางเฟสบุ๊ก ขณะที่พนักงานกำลังพูดคุยกับนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณชายหาดแห่งหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า “นักท่องเที่ยวมานอนที่หาดดุสิต โดนพนักงานโรงแรมดุสิต ธานี ไล่ไม่ให้นอนหน้าหาด และอ้างว่าเป็นทีของโรงแรม” และมีการแชร์ต่อเป็นวงกว้างจนมีการวิพากษฺวิจารณ์และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าโรงแรมสามารถห้ามไม่ให้ใช้พื้นที่ชายหาดได้หรือไม่
ซึ่งหลังคลิปถูกเผยแพร่ผ่านโซเชียล นายกองโทอดุลย์ ชูทอง นายอำเภอถลาง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย นายจิรยุทธ์ จิรสุนทรกุล กำนันตำบลเชิงทะเล, นายมาแอน สำราญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล (อบต เชิงทะเล) และ ผู้ประกอบการชายหาด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณหาดเลพัง-บางเทา ด้านหน้าโรงแรมดุสิต ลากูน่า จากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว พบว่า เป็นพื้นที่มีสภาพเป็นหาดทราย ซึ่งย่อมทำให้ทุกคนต้องเข้าใจว่าบริเวณดังกล่าวเป็นหาดสาธารณะ แต่ในข้อเท็จจริงที่ตรวจพบว่า แนวเขตที่ดินของโรงแรมดุสิตฯ หลักเขตทางด้านทิศตะวันตกซึ่งติดหาดทราย จะมีการแสดงแนวเขตที่ดินปักอยู่บริเวณบนหาดทราย (หลักเสาปูนและบางส่วนก็จะมีป้ายประกาศแนวเขต) ซึ่งอาจจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่า เมื่อสภาพจุดพื้นที่ที่เกิดเหตุ เป็นหาดทรายบริเวณดังกล่าวก็น่าจะเป็นพื้นที่สาธารณะ และนักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าใช้พื้นที่นั้นได้ จึงทำให้เกิดการเข้าใจผิดและเป็นที่มาของปัญหา
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค. นายยงยุทธ กาญจนานุรักษ์ เจ้าพนักงานที่ดินภูเก็ตสาขาถลาง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลงดังกล่าว มีโฉนดถูกต้องตามกฎหมาย แต่ถัดจากหลักโฉนดของโรงแรมฯจะมีแนวตะเข็บที่หลวงหรือที่ นสล.เลขที่ ภก.0015 ขั้นอยู่แต่ปัจจุบันอาจเป็นหาดทรายก็ได้ เนื่องจากคลื่นกัดเซาะกินเข้ามาแต่เมื่อทางโรงแรม หรือเจ้าของโฉนดรักษาสิทธิ์การครอบครองที่ดินอยู่ก็ยังเป็นสิทธิในโฉนด อยู่จะกันให้เป็นทะเลไม่ได้ ซึ่งทุกอย่างสามารถตรวจสอบรังวัดตามระบบได้เนื่องจากมีหลักฐานที่สามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมาย สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าวออกจาก สค.1 เลขที่ 17 ม.1 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต มาเป็น นส.3 ก.เลขที่ 1362 ออกเมื่อ 16 พ.ค.2521 โดยการเดินสำรวจ และออกเป็นโฉนดเลขที่ 42109 ออกเมื่อ 18 พ.ย.2552 บนเนื้อที่ 17 ไร่ 0 งาน 84.6 ตารางวา
อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำซาก เรื่องการกระทบกระทั่งระหว่างเจ้าของโฉนดที่ดินกับชาวบ้านหรือนั่งท่องเที่ยวก็ต้องให้ทางท้องถิ่นคือองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเลและอำเภอถลางทำหนังสือส่งเรื่องมายังสำนักงานที่ดินภูเก็ตสาขาถลางเพื่อส่งช่างเข้าไปรังวัดแนวเขตที่ชัดเจนอีกครั้งว่าจุดใดเป็นพื้นที่ นสล.จุดใดเป็นเขตสิ้นสุดของโฉนดแปลงดังกล่าวเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาขึ้นอีกในอนาคต.
