พบพระพุทธรูปเก่าแก่ถูกทิ้งร้าง คาดอายุหลายร้อยปี ตั้งตระหง่านในป่ากลางทุ่งนาที่สิงห์บุรี

ผู้สื่อข่าวได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านแถวหมู่ 4 ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ว่าในป่าเล็กๆ กลางทุ่งนา มีพระพุทธรูปเก่าแก่องค์ใหญ่อายุหลายร้อยปีถูกทิ้งร้างอยู่ อยากให้กรมศิลปากรเข้าไปตรวจสอบดูว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยใด และขึ้นทะเบียนไว้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพทุบทำลาย จึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในป่ากลางทุ่งนาโดยมีทางเดินคันนาเข้าไปจากริมถนนใหญ่ประมาณ 500 เมตร เมื่อไปถึงป่าเล็กๆ ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ มีต้นไม้น้อยใหญ่อยู่เต็มพื้นที่ บนเนินดินสูงขึ้นไป พบพระพุทธรูปเนื้อก่ออิฐถือปูนองค์ใหญ่เก่าแก่ สูงประมาณ 3 เมตร ฐานกว้างราว 2 เมตรเศษ ลักษณะอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ มือซ้ายหงายวางบนตัก มือขวาวางคว่ำลงที่เข่า นิ้วมือชี้ลงที่พื้นธรณี หรือเรียกว่า พระปางมารวิชัย ในส่วนของเศียรพระมีร่องรอยชำรุดแตกหัก

สอบถามนายเชนทร์ คนชาน สมาชิกสภาเทศบาลทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ผลักดันต้องการให้ประชาชนทั่วไปมากราบไหว้พระพุทธรูปองค์นี้มาโดยตลอดเล่าว่า ตนทราบเรื่องของพระพุทธรูปองค์นี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว จากนิตยสารของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีกลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คณะนิเทศศาสตร์ ได้มาทำงานวิจัยว่าทำไมตำบลทับยา อ.อินทร์บุรี นี้ ถึงได้มีพระพุทธรูปสมัยอยุธยา เช่น พระฉาย ซึ่งเป็นประติมากรรมปูนปั้นนูนสูงภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงจากดาวดึงส์โดยมีพระโมคลาและพระสารีบุตรยืนอยู่ทั้งสองข้าง ซึ่งกรมศิลปากรได้เข้าตรวจสอบแล้วพบว่าพระฉายนั้นสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงปลาย และนักศึกษากลุ่มนี้ก็ได้ลงมาวิจัยทั้งตำบลทับยาเป็นเวลา 1 เดือน โดยพักที่วัดสุทธาวาส และได้ไปลงพื้นที่ตามที่ต่างๆ จนได้มาเจอพระพุทธรูปองค์นี้ในบริเวณนี้ และได้สอบถามจากคนเฒ่าคนแก่ในละแวกนี้ว่า พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อว่าอะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร จึงได้ข้อสรุปคร่าวๆ ว่า ชาวบ้านแถวนี้เรียกว่า วัดโคกงู เพราะตั้งอยู่บนเนิน หรือเรียกกันว่าบนโคก มีพระพุทธรูปเนื้อก่ออิฐถือปูน ปางมารวิชัย ประดิษฐานอยู่กลางโคก ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อโคกงู และบริเวณแถวนี้จะมีงูเห่าอยู่เยอะ จะเห็นคราบงูที่ลอกคราบไว้ตามพื้นดิน และเดิมพระองค์นี้จะมีหลังคาคลุมไว้ แต่กาลเวลาทำให้ผุพังลงไป ส่วนจะสร้างในสมัยใดนั้นยังไม่มีผู้มีความรู้ทางโบราณคดีมาชี้ชัด ดังนั้นคณะนักศึกษาที่มาวิจัยพื้นที่จึงทำได้เพียงถ่ายรูปและประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้คนสิงห์บุรีและคนใกล้เคียงได้รู้จักพระพุทธรูปองค์นี้ลงในนิตยสารของมหาวิทยาลัยหอกการค้าไทยเท่านั้น

หลังจากนั้น หลวงพ่อโคกงู และวัดโคกงู ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและต่อมาไม่นานก็เงียบหายไป หรือแม้แต่คนใน ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี นี้ ยังมีส่วนน้อยที่จะรู้ว่าบริเวณป่าเล็กๆ พื้นที่ไร่เศษๆ จะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่เก่าแก่องค์นี้อยู่ จนต่อมาตนได้มาเป็นสมาชิกเทศบาลตำบลทับยาได้รับผิดชอบในพื้นที่ตำบลทับยา จึงพยายามที่จะผลักดัน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปได้รู้จักและมาท่องเที่ยวกราบพระขอพรจากหลวงพ่อโคกงูนี้ สำหรับอายุนี้ไม่แน่ใจว่าสร้างขึ้นในสมัยใด ได้แต่คาดเดากันว่าอาจสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงตอนปลายก็เป็นได้ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งก็ได้บอกว่า น่าจะสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณซักเกือบ 200 ปี เนื่องจากบริเวณนี้เป็นทุ่งนา สมัยก่อนไม่มีถนน มีที่ตรงนี้เพียงจุดเดียวที่พักกันได้ จึงได้มีชาวนารวมกลุ่มกันสร้างพระเพื่อเอาไว้กราบไหว้ขอพรเวลาทำนา เมื่อความเชื่อแตกเป็นสองทางแบบนี้จึงอยากให้กรมศิลปากรมาช่วยสำรวจและชี้ชัดให้หน่อยว่าพระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นในสมัยใดกันแน่ เมื่อทราบกันแล้วก็อยากให้สถานที่วัดร้างแห่งนี้เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไปจะได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งในตำบลทับยา และเมื่อขึ้นทะเบียนแล้วจะได้ป้องกันไม่ให้คนมาทุบทำลาย เพราะโดยปกติจะมีแค่ชาวนาและคนในละแวกนี้ที่มากราบไหว้กันเป็นประจำ หรือในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปีใหม่ สงกรานต์ ชาวบ้านในละแวกนี้ก็จะมาเปลี่ยนจีวรให้องค์พระ หรือว่ามาทำพิธีบวชต้นไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาตัดต้นไม้

สำหรับวัดโคกงูที่ชาวบ้านละแวกนี้เรียกกันนั้น สำนักพระพุทธศาสนาได้ขึ้นทะเบียนเป็นวัดร้าง คือ “วัดห้วยงู” สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้สร้างขึ้นประมาณช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนกลางถึงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ปัจจุบันมีเนื้อที่รวม 1 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา องค์พระพุทธรูปมีร่องรอยการซ่อมแซมบูรณะเป็นระยะๆ ซึ่งน่าจะเป็นชาวบ้านที่ทำนาบริเวณรอบวัดห้วยงู แต่ด้วยตัววัดที่ตั้งอยู่กลางทุ่งและประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่เนืองๆ จึงทำให้วัดห้วยงูถูกปล่อยทิ้งร้างจนถึงทุกวันนี้ แต่อย่างไรก็ตามก็มักมีผู้แสวงโชคเดินทางเข้าไปกราบและหาเลขเด็ดกันเกือบทุกงวด

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image