เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แสดงความห่วงใยปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ ขณะเดินทางโดยเรือตรวจการเจ้าท่า พร้อมด้วยนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปตรวจดูการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในเขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ทำให้เห็นว่าโดยรอบอ่าวพังงา โดยเฉพาะบริเวณ ต.คลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา มีการนำเครื่องจักรกลหนักขึ้นไปไถปรับแต่ง และเปิดหน้าดินบนเนินเขาหลายแห่ง ซึ่งนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.พังงา ยืนยันว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของเอกชนที่มีเอกสารสิทธิที่ดินถูกต้อง และอยู่นอกพื้นที่อุทยาน ซึ่ง พล.อ.สุรศักดิ์ ได้สั่งกำชับทุกฝ่ายร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มข้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า โดยรอบอ่าวพังงาซึ่งคณะของ รมต.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางไปตรวจสอบนั้น มีร่องรอยการไถปรับที่ดินเป็นบริเวณกว้างหลายจุด ทั้งนี้ เพื่อเปิดเป็นจุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปถ่ายภาพ และกางเต็นท์พักแรม บางจุดมีความลาดชันสูงกว่า 50 องศา เมื่อมีฝนตกลงมาก็จะเกิดดินโคลน และฝุ่นตะกอน ไหลลงทะเลสู่ทะเลบริเวณโดยรอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจทำให้ระบบนิเวศน์ แนวปะการัง ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมโดยรอบอ่าวพังงา ได้รับผลกระทบ และเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณเกาะละวะใหญ่ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ประมาณ 3 กิโลเมตร หลายจุดที่มีการเปิดหน้าดินก็อาจรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าไม้ถาวรโดยเฉพาะจุดชมวิวที่เอกชน และผู้นำท้องถิ่น ก่อสร้างขึ้นโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปตรวจสอบ และควบคุม เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.พังงา ปล่อยปละละเลย ให้มีการก่อสร้างกันได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ยังพบร่องรอยการตัดไม้ และแปรรูปไม้ในหลายพื้นที่ เพื่อนำมาก่อสร้างเป็นห้องพัก และสาธารณูปโภคอื่นๆ ซึ่งเป็นที่น่าสงสัยของผู้พบเห็น และนักท่องเที่ยวทั่วไปว่า อาจเป็นมีการลักลอบโค่น และแปรรูปไม้ โดยผิดกฎหมายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือป่าไม้ถาวรอีกด้วย
