เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่โครงการ Palm Springs inspired ต.ชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี อดีต ส.ว. เพชรบุรี พร้อมคณะ เดินทางเข้ารับเรื่องร้องเรียนจากนางปาณิสรา ฮอปกินส์ อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 17/1 หมู่ 2 ต.บางหญ้าแพรก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ว่าได้ซื้อบ้านจากหมู่บ้าน Palm Springs inspired ซึ่งตั้งอยู่บนเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ โดยขณะทำการซื้อขายทำสัญญาโครงการไม่ระบุแจ้ง ทำให้ตนไม่สามารถนำบ้านไปทำธุรกรรมการเงินได้ และอาจมีความผิดฐานครอบครองบุกรุกป่า
นางปณิสร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ตนและสามีชาวต่างประเทศได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงขายเลขที่ 156 โฉนดเลขที่ 35947 ออกโฉนดวันที่วันที่ 8 กันยายน 2536 เลขที่ดิน 123 เนื้อที่ 1 ไร่ 1 งานพร้อมบ้าน 1 หลัง เลขที่ 1445 / 259 ในโครงการ Palm Springs inspired จากบริษัทปาล์มฮิลล์ โฮม จำกัด ซึ่งมี นายตรรก อัครเศรณี และ นายพิษณุ เดชศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ฯ ในราคารวม 12,062,024 บาท ระบุผ่อนชำระรวม 36 งวด ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 -มกราคม 2561 ได้ชำระค่าบ้าน ไปแล้ว 25 งวด เป็นจำนวนเงินรวม 5,630,344 บาท ซึ่งบริษัทออกใบเสร็จและใบสรุปยอดค่าผ่อนชำระ ค่างวดบ้านทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาวันที่ 24 มกราคม 2561 ตนได้ขอสินเชื่อธนาคารเพื่อการซื้อบ้าน โดยติดต่อยื่นเอกสารขอสินเชื่อกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหัวหิน และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสำรวจและประเมินราคาจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเขาวัง จ.เพชรบุรี เข้ามาประเมินที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ปรากฏว่าฝ่ายประเมินฯตรวจสอบพบที่ดินพื้นที่ตั้งบ้านของตนอยู่ในเขตป่าสงวน ก่อนทำหนังสือให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี ตรวจสอบตำแหน่งที่ดิน ปรากฏสํานักจัดการทรัพยากรป่าไม้ฯ แจ้งหนังสือลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2561 ยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหมายเลข 87 ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นป่าสงวนแหงชาติเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2524 ลงนามโดยนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในขณะนั้น ทำให้ตนในฐานะผู้ซื้อและชำระเงินไปแล้วกว่า 5 ล้านบาทเสียโอกาสในการถือครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีสิทธิ์ครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่มีสิทธิ์ยื่นกู้สินเชื่อกับธนาคาร จึงขอบอกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินแปลงดังกล่าว ไม่ผ่อนชำระค่างวดต่อ และขอให้บริษัทชำระเงินส่วนที่ได้ชำระไปแล้วรวมเป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยรวม 5,950,606 บาท และค่าสินไหมอื่นอีก 1,859,564 บาท
“จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบยังมีผู้ซื้อบ้านอีกกว่า 30 แปลง และพื้นที่ในโครงการฯอีกจำนวนมากอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ไม่เข้าใจว่าเมื่อพื้นที่โครงการฯ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว โครงการฯจัดทำแปลงที่ดินสร้างบ้านแบ่งขาย และออกโฉนดที่ดินได้อย่างไร ”
ด้านน.ส.สุมล เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงประเด็นพิพาทระหว่างบุคคล หากมองให้ชัดเจนจะพบว่าเป็นการกระทำผิดของกลุ่มนายทุนที่บุกรุกครอบครองที่ดินทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ และยังมีการกระทำโดยมิชอบในการออกเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดิน เพื่อนำทรัพยากรของชาติไปเป็นของตัวเอง และหาผลประโยชน์ในการจำหน่ายเชื่อมั่นว่ากรณีเช่นนี้ไม่ใช่เกิดเพียงจำนวนเล็กน้อยแต่อาจเป็นจำนวนนับพันไร่
“เมื่อปี 2554 ขณะที่ยังดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว.เพชรบุรี และเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และพันธ์พืช วุฒิสภา ได้ตรวจสอบพบเจ้าพนักงานที่ดินสาขาหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับเขต จ.เพชรบุรี โดยนำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หมายเลข ๘๗ ในพื้นที่ของ ต.สามพระยา อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี อ้างว่าอยู่ในการดูแลของที่ดินสาขาหัวหิน เพื่ออ้างว่าอยู่นอกเขตป่าและสามารถนำไปกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงเสนอข้อมูลไปยังกรมที่ดินเพื่อขอให้ตรวจสอบการทุจริตการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่คาบเกี่ยวจังหวัดเพชรบุรี และ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเชิญนายมงคล อินทสุวรรณ์ รองอธิบดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพปฏิบัติหน้าที่อธิบดีกรมที่ดินในขณะนั้นลงพื้นที่ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูล กระทั่งพบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตปกครองของ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงเชื่อมั่นว่าพื้นที่โครงการฯ Palm Springs inspired อาจเกี่ยวข้องกับกรณีความไม่ชอบมาพากลในการออกออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทับเขตดังกล่าว” น.ส.สุมลกล่าว และว่า
เบื้องต้นได้แนะนำผู้เสียหายแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)ดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนกรณีการบุกรุกป่าสงวนจะประสาน ทีมพยัคฆ์ไพร และทีมพญาเสือ ซึ่งเป็นชุดเฉพาะกิจในการตรวจสอบปราบปรามการทุจริตเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้ของชาติของกรมป่าไม้ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฏหมาย
