เจ้าของที่ตัวจริง! ราษฎรอาสาสมัครวัย 81 ปี ผู้ร่วมหุ้น ‘ตึกยักษ์รีสอร์ตหรู’ กลางเขาค้อ

เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้ากรณีคดีการก่อสร้างตึกยักษ์รีสอร์ตหรูกลางเขาค้อ บนที่ดินราษฎรอาสาสมัคร(รอส.) และอยู่ในเขตป่าที่กองทัพภาคที่ 3 ขอใช้จากกรมป่าไม้ 2 ข้างทางรัศมีข้างละ 1 กิโลเมตร ซึ่งภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เขาค้อมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาอัยการหล่มสักมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่พอ โดยนายทุนได้ยกประเด็นร่วมลงทุนกับ รอส.เจ้าของที่ดินขึ้นต่อสู้ จนทำให้ขาดเจตนาไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ล่าสุด นายลออ จีนใจตรง รอส.เจ้าของที่ดินดังกล่าวในวัย 81 ปี ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ลูกสาวที่ ต.วังน้ำคู้ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โดยสภาพความเป็นอยู่โดยฐานะเหมือนกับชาวบ้านในเขตชนบททั่วไปที่มีอาชีพทำนา

โดยนายละออ จีนใจตรง กล่าวว่า เดิมเป็นคนวังอิทก อ.บางระกำ มีภรรยาที่ ต.วังน้ำคู้ สาเหตุที่ตัดสินขึ้นไปขอที่ดินทำกินบนเขาค้อ ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กที่กองทัพภาคที่ 3 จัดสรรให้ เนื่องจากลูกสาวทำงานอยู่เกษตรที่สูง อ.เขาค้อ โดยทหารแนะให้ไปสมัครเป็นราษฎรอาสาสมัคร ซึ่งขณะนั้นสงครามหรือการสู้รบได้จบแล้ว โดยให้ไปบุกเบิกทำไร่ในยุคนั้นเปิดรับสมัครครั้งละ 30 ราย แบ่งที่ทำกินเมื่อพฤษภาคม 2527 อดีตเป็นสภาพพื้นที่เป็นป่าทึบ ทำให้เพียงปลูกกล้วยเท่านั้น

Advertisement

“ทราบดีว่า รอส.ต้องยึดหลักเกณฑ์ 9 ข้อ ระบุไว้ว่า ห้ามขาย แต่ยอมรับว่าทุกคนเขาค้อก็ขายที่ดินเกือบทั้งหมด สำหรับผมนั้น ยืนยันว่าไม่ได้ขาย ไม่เคยรับเงินล้านเพียงแต่เป็นการร่วมทุน โดยได้รับเงินเดือน เดือนละ 10,000 บาทหรือ 120,000 บาทต่อปี โดยเขียนสัญญาร่วมหุ้นกับนายทุนกทม.ที่สภ.เขาค้อ โดยในหนังสือสัญญานั้น ไม่ได้ระบุว่าทรัพย์สินหรือสิ่งปลูกสร้างจะเป็นของผมแต่อย่างใดแม้เป็นที่ดินยังเป็นของผมก็ตาม”นายละออกล่าว

นายลออกกล่าวอีกว่า ก่อนเปลี่ยนมือเมื่อ 2 ปีก่อนนั้นที่ดินแปลงดังกล่าวได้ปลูกมะขาม แต่ด้วยอายุมากแล้วไม่มีใครดูแลสานต่อ จึงเดินทางมาอาศัยอยู่กับลูกๆในเมืองซึ่งมีลูกจำนวน 7 คน ซึ่งการร่วมลงทุนกับคนกทม.ครั้งนี้หวังเพียงให้ลูกหลานจะได้มีงานทำในรีสอร์ท ส่วนตนก็ได้เงิน 120,000 บาทต่อปีไว้ดูแลและกินใช้ในช่วงบั้นปลายชีวิต โดยล่าสุดได้รับเงินงวดรายปีเกือบครบแล้ว และไม่นานผู้ร่วมลงทุนจะโอนเงินเข้าบัญชีเป็นรายปีงวดที่ 2 ให้ และถ้าหากรีสอร์ทเปิดให้บริการแล้ว จะเพิ่มเงินแต่ไม่แน่ว่าจำนวนเท่าใด

Advertisement

“สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ทหารจาก ม.พัน 28 ได้เดินทางมาสอบถามที่บ้านว่าผมได้ขายที่ดินหรือไม่ ก็ตอบยืนยันไปว่าไม่ได้ขาย แต่ลงหุ้นเป็นที่ดินในลักษณะร่วมหุ้นบอกเขาให้เดือนละหมื่นบาท โดยให้เขาลงทุนไปส่วนทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างเป็นส่วนของนายทุนที่กรุงเทพฯ ส่วนผมลงทุนเพียงที่ดินหากรีสอร์ตเปิดบริการเขาจะให้รายได้เพิ่มอีก แต่ไม่รู้เท่าใด แต่มีสัญญาซึ่งตกลงที่ สภ.เขาค้อต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ”นายลออกล่าวย้ำอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามทางผู้สื่อข่าวได้ขอดูเอกสารและข้อตกลงร่วมลงทุนจากนายละออ ปรากฏว่ารอส.เจ้าของที่ดินก่อสร้างตึกอาคารยักษ์ 3 หลังกลางเขาค้อ ได้ตอบปฎิเสธ โดยอ้างว่าหนังสือนี้ไม่ได้อยู่ที่ตนเองแต่อยู่ที่ สภ.เขาค้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image