ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่อำเภอเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และที่พักอาศัยมีอัตรามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้นมากตามไปด้วย ในขณะที่เขื่อนปราณบุรี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักในการผลิตน้ำประปาของเทศบาลเมืองหัวหินมีปริมาณน้ำน้อย เนื่องจากประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง ทำให้โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาปราณบุรีต้องสำรองน้ำในอ่างเก็บน้ำปราณบุรี เพื่อส่งให้เทศบาลเมืองหัวหิน และการประปาในตำบลอื่นๆ เพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาถึง 120 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อปี ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำภาคการเกษตร รวมทั้งเทศบาลเมืองหัวหินเองก็มีความเสี่ยงที่จะขาดแคลนน้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปาได้ในอนาคต
กรมชลประทาน โดยสำนักงานชลประทานที่ 14 จึงได้หาทางออกร่วมกับเทศบาลเมืองหัวหิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เสนอแนวการแก้ไขปัญหาด้วยการส่งน้ำดิบจากเขื่อนเพชรมายังพื้นที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเสริมความมั่นคงของน้ำดิบและเป็นการวางแผนการใช้น้ำของเมืองหัวหินให้รองรับการขยายตัวของเมืองและการท่องเที่ยวในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้าอีกด้วย
สำหรับโครงการผันน้ำเขื่อนเพชร-หัวหิน จะประกอบไปด้วยสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าจำนวน4 เครื่อง อัตราการสูบ 64,000 ลบ.ม./วัน ส่งไปยังเทศบาลเมืองชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และเทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยท่อขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เมตร ความยาว 41.7 กิโลเมตร ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ได้รับงบประมาณดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เป็นสถานีสูบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว สำหรับการดำเนินการในส่วนที่เหลือนั้นกรมชลประทานจะจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการในส่วนของระบบท่อส่งน้ำดิบจนแล้วเสร็จต่อไป คาดว่าเมื่อโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ และมีการบูรณาการการบริหารจัดการน้ำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกัน จะสามารถแก้ไขปัญหาและเสริมสร้างความมั่นคงของน้ำประปาในพื้นที่เทศบาลเมืองหัวหินได้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป
