เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ใน “งานวันยางพาราและกาชาดบึงกาฬ 2559” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-27 มกราคม นางศศิธร ปรีชาวิทย์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานเปิดนิทรรศการ “ฝากไทย” ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งเเรกในภาคอีสาน อย่างเป็นทางการ โดยมีกรรมการเหล่ากาชาดเเละประชาชนในจังหวัดบึงกาฬเข้าร่วม พร้อมด้วย น.ส.ปานบัว บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาด บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ซึ่งจัดแสดงในโซน “77 บึงกาฬ เมืองสร้างสรรค์” ของจังหวัด
นางศศิธรกล่าวว่า จากที่เดินชมงานนิทรรศการในครั้งนี้รู้สึกประทับใจเรื่องการออกเเบบ ที่ส่วนใหญ่อิงความเป็นธรรมชาติ ส่วนตัวชอบการออกเเบบของจังหวัดบึงกาฬมากที่สุด และหลายอย่างสามารถนำไปทำเป็นของที่ระลึกของจังหวัดได้เลย อย่างหมวก เเละเสื้อยืด
“รู้สึกดีใจที่ได้เห็นการออกเเบบ ที่มีเรื่องของเอกลักษณ์จังหวัด ที่น่าจะนำมาต่อยอดได้ ส่วนบึงกาฬจะสนับสนุนอย่างไรต่อไปนั้น หลังจากนี้ก็จะนำเรียนนายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ ว่าเราจะสามารถดำเนินการโดยผ่านวัฒนธรรมจังหวัด” นางศศิธรกล่าว
“อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดบึงกาฬก็คือ ผ้ายลายหมากเบ็ง ที่ทางจังหวัดได้พัฒนาให้เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมีความสวยงาม และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนจากการทอผ้าด้วยมือ เพื่อออกวางจำหน่าย และสามารถที่จะนำลายหมากเบ็ง ไปพัฒนาต่อยอดในผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเป็นของที่ระลึกของจังหวัดได้ด้วย”
“อย่างเสื้อสีม่วง ซึ่งสีม่วงเป็นสีประจำจังหวัด ที่ถูกนำมาออกแบบ ด้วยลวดลายหมากเบ็ง เป็นเสื้อยืดที่เห็นทีมงานของมติชน ได้ออกแบบและสวมใส่นั้น ส่วนตัวมีความสนใจมาก เป็นเสื้อยืดที่สวยงามและเหมาะจะนำมาพัฒนาเป็นของที่ระลึกของจังหวัดด้วย” นางศศิธรกล่าว
น.ส.ปานบัว กล่าวว่า นิทรรศการฝากไทยที่นำมาจัดแสดงในงานวันยางพาราและกาชาดบึงกาฬนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มีการสัญจรมาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากประทับใจตั้งแต่ครั้งจัดที่กรุงเทพฯ จึงให้ทีมงานประสานไปที่ “ศูนย์บันดาลไทย” กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อทำเรื่องขอยืมของมาใช้จัดแสดงซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์ด้วยดี โดยสาเหตุที่เลือกมาให้ชาว จ.บึงกาฬ ได้ชมนิทรรศการนี้ เพราะมองว่าเป็นจังหวัดน้องใหม่ และยุทธศาสตร์จังหวัดที่จะมุ่งไปซึ่งนอกจากการเป็นศูนย์กลางยางพาราในภาคอีสานแล้ว ยังเป็นในเรื่องของการค้าและการท่องเที่ยวรับประชาคมอาเซียนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ที่พัก ร้านอาหาร และสินค้าของที่ระลึก คือสิ่งที่จะขาดไม่ได้ ซึ่งในจังหวัดบึงกาฬนั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอยู่เยอะมาก แต่ยังขาดความชัดเจนในเรื่องของสินค้าของที่ระลึก คนยังไม่ค่อยรู้ว่ามาเที่ยวแล้วจะต้องซื้ออะไรเป็นของฝาก จึงนำนิทรรศการฝากไทยมาให้ชม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับชาวบึงกาฬ
“นิทรรศการฝากไทยในงานนี้ เราได้นำของฝากที่ศูนย์บันดาลไทยออกแบบไว้มาให้ชม โดยเป็นของที่ระลึกสำหรับ 19 จังหวัดในภาคอีสาน และอีกบางจังหวัดอย่างสิงห์บุรี นครสวรรค์ ประจวบคีรีขันธ์ กรุงเทพมหานคร ฯลฯ ซึ่งออกแบบสินค้าที่ระลึกได้น่าสนใจ และที่สำคัญคือของที่นำมาเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดนั้นคือสิ่งที่ จ.บึงกาฬเองก็มีด้วยเช่นกัน นิทรรศการครั้งนี้ไม่ได้สงวนแนวคิด ประชาชนคนไหน ผู้ประกอบการรายไหนมาชมแล้วก็สามารถเอาไปพัฒนาต่อยอดได้เลย สร้างสรรค์เป็นผลงานของตัวเองจากนิทรรศการที่จัดแสดงได้เลย”
น.ส.ปานบัว กล่าวว่า เชื่อว่านิทรรศการฝากไทย จะมีประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งผู้ประกอบการร้านค้า โรงแรมที่พัก หรือหน่วยงานราชการจังหวัด อบจ. อบต. ก็อยากให้ส่งคนมาดูงานนี้ เพื่อไปพัฒนาเป็นสินค้าโอท็อปที่เพิ่มมูลค่าได้ สำหรับคนที่มาดูนิทรรศการนี้ คุณจะไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ แต่น่าจะเป็นก้าวที่ 3 ก้าวที่ 4 เลยทีเดียว เพราะจะได้เห็นตั้งแต่ไอเดียแนวคิดตั้งต้น วิธีการสร้างอัตลักษณ์จะต้องทำอย่างไร เริ่มตรงไหน รวมถึงกลุ่มสินค้าที่ระลึก 10 แบบที่เหมาะสมกับการทำเป็นสินค้าของที่ระลึกนั้นมีอะไรบ้าง
“สินค้าของที่ระลึกแม้จะเป็นของเล็กๆ แต่ในความจริงแล้วมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับการหารายได้ของจังหวัด เป็นอินคัมของจังหวัดจริงๆ การพัฒนาเรื่องสินค้าของที่ระลึกจึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับจังหวัดบึงกาฬซึ่งเป็นจังหวัดน้องใหม่นั้น มีความได้เปรียบในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ใครก็อยากมาเที่ยว ดังนั้น ต้องจริงจังกับการทำของที่ระลึกที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง ทำให้คนอยากมาเที่ยว และเที่ยวแล้วทำอย่างไรที่จะให้เขาใช้จ่ายสูงสุด คิดว่านิทรรศการนี้จะตอบโจทย์และสอดรับกับยุทธศาสตร์จังหวัดที่มุ่งสู่ในเรื่องการค้าและการท่องเที่ยวรับประชาคมอาเซียน” น.ส.ปานบัว กล่าว
