เมื่อเวลา 1900น. วันที่ 12 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ได้รับแจ้งคนร้าย 2 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน บุกปล้นร้านทอง ชื่อ ห้างทองแท้แม่ตังกวย(โห่ตงเส่ง) เลขที่ 109 ถ.เทศบาล 1 ต.หนองฉาง อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ตั้งอยู่ตรงอยู่ข้ามศาลาประชาคม ที่ว่าการอำเภอหนองฉาง โดยช่วงเกิดเหตุคนไม่พลุกพล่านประกอบกับมีฝนตกลงมาโปรยปราย ก่อนทำร้ายเจ้าของร้าน คือ นายจรรยง นพรัตน์ ซึ่งเป็นน้องชายของนายดำรง นพรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองฉาง ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตกห่อนหลยหนี ต่อมาญาตินำตัวนายจรรยงส่งโรงพยาบาลหนองฉาง ต่อมาถูกส่งต่อโรงพยาบาลอุทัยธานี 
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ ผบก.ภ.จว.อุทัยธานี พร้อม พ.ต.อ.ไพสิฐ แก้วจรัส ผกก.สภ.หนองฉาง รตอ.จตุพล แก้วการไร่ ร้อยเวรสภ.หนองฉาง พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ กกล.สส.ภจว.อุทัยธานี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อหาข้อมูลพยานหลักฐานเพิ่มเติมบริเวณที่เกิดเหตุและบริเวณใกล้เคียง เพื่อติดตามตนร้ายมาดำเนินคดี รวมทั้งประสานกำลังสืบสวนสอบสวนและสกัดรถต้องสงสัยดังกล่าว 
จากการสอบถาม นายสรไกร รงค์ทอง อายุ 38 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณหน้าร้านพอดี พบคนร้าย 2 คนเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ 1 คน และหญิงรูปร่างค่อนข้างเล็ก 1 คน สวมเสื้อสีดำ และสวมหมวกไอ้โม่งสีดำปิดบังใบหน้า เดินออกมาจากซอยตรงข้ามร้านทองดังกล่าว ซึ่งเป็นซอยที่เชื่อมตลาดสดในเขตเทศบาลหนองฉาง จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คนเดินตรงเข้าไปในร้านทองดังกล่าว ขณะนั้นเจ้าของร้านกำลังปิดร้าน จากนั้นได้ยินเสียงคล้ายคนต่อสู้กัน ทราบว่าเจ้าของร้านคือนายจรรยงถูกคนร้ายทำร้าย ในที่เกิดเหตุมีภรรยาและบุตรสาวอยู่ในเหตุการณ์ต่างส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แต่คนร้ายดึงประตูหน้าร้านลง ด้วยความตกใจประกอบกับเกรงคนร้ายพกปืนมาด้วย คนจึงไม่กล้าเข้าไปในร้าน แต่ได้เรียกเพื่อนบ้านให้เข้ามาช่วย จากนั้นคนร้ายวิ่งออกมาจากร้านทองก่อนขึ้นรถเก๋ง คาดว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อวีออส สีขาว ที่รถติดสติ๊กเกอร์สีดำรอบคัน จำเลขทะเบียนไม่ได้ ซึ่งจอดตรงซอยข้างร้านทองที่คนร้ายเดินมาดังกล่าวขับหลบหนีไป จากนั้นเพื่อนบ้านช่วยกันขับรถไล่ตามแต่ไม่สามารถจับกุมคนรายได้ คาดว่าคนร้ายนขับรถหลบหนีไปทาง อ.บ้านไร่
บุตรสาวของนายจรรยา กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุ คนร้ายผู้ชายได้กดศีรษะพ่อของตนกระแทกตู้กระจกทอง 3 ครั้ง ส่วนคนร้ายผู้หญิงได้เปิดบานประตูกระจกตู้เก็บสร้อยทองแล้วกวาดทองไปอย่างรวดเร็ว หลังคนร้ายทำร้ายพ่อของตนแล้วออกมาหยิบสร้อยคอทองคำเพิ่มอีก 1 ถาด รวมชิงทองคำไปได้ 3 ถาด เป็นสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 ถาด สร้อยคอทองคำหนัก 2 บาท 1 ถาด และสร้อยทองคำน้ำหนักประมาณ 3 บาทและ 4 บาท อีก 1 ถาด รวมน้ำหนักประมาณ 100 บาท เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.หนองฉาง สำหรับร้านทองดังกล่าวเปิดมานานกว่า 80 ปี ซึ่งสืบทอดมาจากรุ่นบิดามารดา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนร้ายลงมืออย่างรวดเร็ว และอุกอาจ ทั้งที่ร้านค้าตั้งอยู่กลางอำเภอมีห้างร้านและบ้านเรือนประชาชน
