พลิกวิฤตราคายางตกต่ำ-แล้งน้ำ ปลูกสับปะรดในสวนยางทำรายได้

วันที่ 21 มกราคม จากสถานการณ์ภัยแล้งที่มีแนวโน้มรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา และกำลังขยายวงกว้าง ประกอบกับราคายางพาราตกต่ำ ทำให้เกษตรกรในเขต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ได้มีการปรับตัวโดยการปรับเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยคือสับปะรด เนื่องจากเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยมาก ไม่ต้องรดน้ำก็ได้ และในช่วง 3 ปีมานี้ราคาสับปะรดดีต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งล่าสุดจากข้อมูลของสำนักงานเกษตรอำเภอศรีเชียงใหม่ ขณะนี้มีผู้ปลูกสับปะรดจากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 3 พันไร่ เพิ่มขึ้นเป็น 4 พันกว่าไร่ มีทั้งการปรับพื้นที่จากการปลูกพืชชนิดอื่นมาปลูกสับปะรดแทน สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกปีละ 100,000-150,000 บาทต่อไร่

ร.ต.ศรีธาตุ มณีรัตน์ อดีตทหารที่ลาออกมาเป็นเกษตรกร กล่าวว่า มีพื้นที่ปลูกยางพาราทั้งหมด 16 ไร่ และรวมที่ทำนาด้วยเป็น 34 ไร่ สาเหตุที่ต้องนำสับปะรดมาปลูกในสวนยางด้วย เนื่องจากเห็นว่าในสวนยางพารามีพื้นที่ว่าง ซึ่งยางพาราก็จะได้ปุ๋ยจากสับปะรดด้วย สับปะรดที่ปลูกก็จะเป็นรายได้เสริมในช่วงที่ยางยังไม่ได้กรีดและยางมีราคาตกต่ำ

ร.ต.ศรีธาตุกล่าวว่า ในช่วงนี้ราคาสับปะรดดีมาก ทั้งผลสับปะรดเอง รวมไปถึงหน่อของสับปะรด ขายเข้าโรงงานก็ราคาสูงถึง 9.50 บาทต่อกิโลกรัม (บาท/กก.) และหากขายให้กับพ่อค้า-แม่ค้าที่นำไปจำหน่ายต่อราคาก็จะไม่ต่ำกว่า 10 บาท/กก. แม้ว่าบางครั้งราคาจะลดลงเหลือ 8 บาทเกษตรกรก็สามารถอยู่ได้อย่างสบาย ซึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมานั้นราคาสับปะรดจะอยู่ที่ 2-3 บาท/กก.เท่านั้นก็ยังขายยาก ต่างจากตอนนี้ราคาดีและขายได้ง่าย ซึ่งนอกจากจะขายส่งโรงงานแล้ว ยังขายส่งให้กับพ่อค้า-แม่ค้าที่ตั้งแผงขายตามถนนสาย อ.ศรีเชียงใหม่-อ.สังคม สำหรับสับปะรดจะใช้ระยะเวลาในการปลูกประมาณ 1 ปีกว่าก็สามารถให้ผลผลิตอย่างต่อเนื่อง หากบำรุงรักษาดีก็จะสามารถให้ผลผลิตได้ถึง 3 ปีเป็นอย่างน้อย

201601211546243-20041020104302

Advertisement

ร.ต.ศรีธาตุกล่าวต่อไปอีกว่า ไม่เฉพาะสับปะรดที่ราคาดี หน่อหรือแขนงที่หักออกจากผลสับปะรดก็ราคาดีด้วย ขณะนี้ซื้อขายกันอยู่ที่แขนงละ 1.50-2 บาท มีคนมารับซื้อถึงสวน โดยจะต้องสั่งจองไว้ล่วงหน้า ถือว่าขณะนี้ราคาสับปะรดดีมาก ต่างจากราคายางพาราที่ตกต่ำ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกสับปะรดได้เป็นอย่างดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image