ขอนแก่นเอาจริง กวดขันช่วยเด็กมีปัญหาการเรียน หลังเผยผลสำรวจเด็กอีสานไอคิวต่ำ-สมาธิสั้นสุด

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 มีนาคม ณ ห้องประชุมชั้น 3 สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น นายธีระศักดิ์ ฑีฆายุพันธ์ นายกเทศมนตรีนครขอนแก่น พร้อมด้วย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น และ น.ส.ดุษฎี จึงศิรกุลวิทย์ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการประสานความร่วมมือเครือข่ายองค์กรในการพัฒนาระบบการดูแลเด็กที่มีปัญหาการเรียนโดยครู-หมอและพ่อแม่ ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงานได้กำหนดจัดกิจกรรมขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ในพื้นที่นำร่องโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครขอนแก่น ตามกรอบความร่วมมือว่าด้วยการสร้างเครือข่ายช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาการเรียน ให้กับโรงเรียนในสังกัดเทศบาลทั้ง 11 แห่ง ซึ่งมีนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษารวมกว่า 6,000 คน

นายธีระศักดิ์กล่าวว่า การดำเนินการตามกรอบความร่วมมือดังกล่าวจะเน้นหนักไปที่การพัฒนาระบบการบริการสำหรับเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาทางการเรียน เพื่อให้สามารถจัดการบริการให้กับเด็กและวัยรุ่นที่มีปัญหาทางการเรียน รวมไปถึงปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน และการรักษาฟื้นฟู โดยมุ่งหวังให้เด็กและวัยรุ่นได้เข้าถึงการบริการได้มากขึ้นและเป็นต้นแบบในการขยายผลไปใช้ต่อไปในพื้นที่อื่นๆ ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ ทั้ง 11 แห่ง ที่เน้นเฉพาะกลุ่มนักเรียนในระดับประถมศึกษาที่มีมากกว่า 6,000 คน ครูและผู้ปกครอง ได้นำความรู้และเทคนิควิธีการตรวจคัดกรองเด็กกลุ่มเสี่ยงและเข้าข่ายของการมีปัญหาทางการเรียน จนสามารถได้เด็กที่เข้าสู่ขั้นตอนของการรักษาทั้งหมด 440 คน ในจำนวน 100 คน เข้าสู่ขั้นตอนการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์

“ครู เป็นบ้านหลังที่สองหรือผู้ปกครองคนที่สอง ที่เข้าถึงเด็กได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้รู้ถึงพฤติกรรมและนิสัยของเด็กในชั้นเรียนของตนเองได้อย่างดีที่สุด และได้ดีกว่าผู้ปกครองเสียด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อครูซึ่งเปรียบเสมือนผู้ให้ชีวิต ผู้ให้แนวทางและผู้ให้โอกาส มาเป็นด่านแรกที่ได้รับการฝึกฝนวิชาและเทคนิควิธีที่ถูกต้องจากแพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทาง เพื่อประเมินและคัดกรองเด็กที่เข้าข่ายที่มีปัญหาการเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่มีสมาธิสั้น กลุ่มไม่เข้าเรียน รวมไปถึงกลุ่มที่มีปัญหาทางครอบครัวและเบื่อหน่ายการเรียนทั้งหมดจะถูกประเมินจากครูและส่งต่อไปยังผู้ปกครองเพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน และวิเคราะห์ว่าสาเหตุใดหรือทำไมจึงเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้น เพราะเรามักจะมองแต่ฝ่ายผู้ใหญ่ว่าลูก-หลานนั้นไม่เข้าใจหรือไม่ปฎิบัติตามคำสั่งแต่วันนี้เทศบาลจะต้องเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหรือความต้องการต่างๆ ของเด็กด้วยเช่นกันจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินโครงการร่วมกันของทั้ง 3 ฝ่ายนำร่องในเขตเทศบาลด้วยการสะสมบุญด้วยการสร้างคน เพื่อให้คนไปสร้างชาติในอนาคต” นายธีระศักดิ์กล่าว

น.ส.ดุษฎีกล่าวว่า จากผลการสำรวจข้อมูลเด็กไทย เมื่อปี 2554 ซึ่งมีการนำมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานเพื่อแก้ปัญหาและการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายหลังผลสำรวจดังกล่าวระบุยืนยันชัดเจนว่าเด็กอีสานมีระดับสติปัญญาหรือไอคิวที่น้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ ของไทย ขณะที่การมีสมาธิสั้นนั้นเด็กอีสานก็ยังคงมีจำนวนที่มากที่สุดในประเทศไทย ที่ผ่านมาการให้ความช่วยเหลือหรือการเข้าถึงการให้บริการทางการแพทย์ผ่านการตรวจคัดกรองหรือการยอมรับความจริงจากผู้ปกครองนั้นมีน้อยมาก เฉลี่ยผู้ป่วย 100 คน เข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีเพียง 5 คน แต่ปัจจุบันการเข้าถึงการบริการทางการแพทย์เปลี่ยนแปลงไป ผู้ปกครองเริ่มยอมรับว่าบุตร-หลาน ของตนเองนั้นป่วยด้วยโรคเฉพาะทางมากขึ้นจนมีการขอรับคำปรึกษาทางการแพทย์และพบหมอเฉพาะทางโดยเฉพาะแพทย์จิตเวชเด็กและหมอวัยรุ่นเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 17 ดังนั้น การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เพื่อตรวจคัดกรองผู้ป่วยด้วยเทคนิคและหลักวิธีทางวิชาการที่ถูกวิธี เพื่อเข้าสู่กระบวนการส่งต่อการเข้ารับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่จะเกิดผลเสียในด้านต่างๆ ตามมา