สจจ.เมืองสิงห์เตือน คนทำงานกลางแจ้งระวังฮีทสโตรก แนะอย่าให้ร่างกายขาดน้ำ

วันที่ 29 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ปรารถนา ประสงค์ดี นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า หน้าร้อนปีนี้กรมอุตุนิยมวิทยาประเมินว่า กลางเดือนมีนาคม-กลางเดือนเมษายน แสงแดดจะแรง อากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงสุดอาจสูง 43-44 องศา ทำให้เหงื่อไม่สามารถระเหยพาความร้อนออกจากร่างกายได้ การได้รับความร้อนมากจนเกินไปและเกิดภาวะขาดน้ำ เสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคลมแดดหรือฮีทสโตรก (Heat Stroke) ซึ่งเป็นกลุ่มอาการเจ็บป่วยที่รุนแรงถึงชีวิต เกิดจากการอยู่หรือออกกำลังกายหรือทำงานในที่อากาศร้อนจัดเป็นเวลานานจนร่างกาย  ไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนในร่างกายได้ มีผลกับการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งระบบประสาทส่งผลทำให้เสียชีวิตจากอวัยวะต่างๆ ทำงานล้มเหลวได้

จากข้อมูลจากสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ระบุว่าในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2546-2556 มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดรวม 196 ราย เฉพาะช่วงเดือนมีนาคม- เมษายน พ.ศ. 2556 มีผู้เสียชีวิตจากลมแดด 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นเพศชายอายุมากกว่า 60 ปี รองลงมา     ผู้มีอาชีพรับจ้าง ผู้มีโรคประจำตัวและดื่มสุรา โดยเสียชีวิตในบ้านมากที่สุด รองลงมาที่ทำงานและในรถยนต์ ส่วน พ.ศ.2556-2558 มีรายงานผู้เสียชีวิต 25, 28 และ 41 รายตามลำดับ

นพ.ปรารถนา กล่าวว่า ผู้ที่เป็นลมแดด จะมีอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ไม่มี เหงื่อออก รู้สึกกระหายน้ำมาก ตัวร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ความร้อนในร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียล ปวดศีรษะ ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็ว เพ้อ ชัก มึนงง หน้ามืด หากไม่ได้รับการดูแลอย่างทันท่วงทีอาจทำให้หมดสติและเสียชีวิตได้ หากพบผู้มีอาการโรคลมแดด ขอให้รีบนำเข้าที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวก ให้นอนราบยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นสูงเพื่อเพิ่มการไหลเวียน ถอดเสื้อผ้าให้เหลือน้อยชิ้น คลายชุดชั้นใน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็น น้ำแข็งประคบตามซอกคอ หน้าผาก รักแร้ ขาหนีบร่วมกับใช้พัดลมเป่า เพื่อระบายความร้อนและลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำลงอย่างรวดเร็วที่สุด หากไม่หมดสติให้ดื่มน้ำเปล่ามากๆ และนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว หรือโทรสายด่วน 1669

นพ.ปรารถนากล่าวอีกว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสิงห์บุรีได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุข ให้ความรู้ คำแนะนำในการดูแลและป้องกันโรคลมแดดแก่ประชาชน โดยเฉพาะ 6 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.ผู้ที่ทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแดด เช่นออกกำลังกาย กรรมกรก่อสร้าง เกษตรกร 2.เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีและผู้สูงอายุ 3.ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง 4.คนอ้วน  5.ผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอ และ 6.ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ นพ.ปรารถนา กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาชนเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมรับอากาศร้อน พยายามหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดจัด ควรอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ออกกำลังกายหรือทำงานกลางแดดเป็นเวลานาน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรดื่มน้ำชั่วโมงละ 1 ลิตร แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำ สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย สีอ่อน ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดรูป สวมแว่นกันแดด กางร่ม ทาโลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปก่อนออกแดด 30 นาที  ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำจนรู้สึกกระหายหรือริมฝีปากแห้ง  ควรดื่มน้ำ 1-2 แก้วก่อนออกบ้านในวันที่อากาศร้อน เลือกออกกำลังกายการช่วงเช้าหรือเย็น หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดูแลไม่ให้เด็ก ผู้สูงอายุ อยู่กลางแดดหรือในรถที่จอดตากแดด  ผู้มีโรคเรื้อรังให้รับประทานยาตามแพทย์สั่ง

ADVERTISMENT