วันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บึงสีไฟซึ่งเป็นแหล่งน้ำชื่อดังของพิจิตรเกิดไฟไหม้ หลังจากที่ความแห้งแล้งทำให้น้ำในบึงสีไฟแห้งขอด และจากการเผาหญ้าวัชพืชที่แห้งแล้งกลางบึงสีไฟ ทำให้เกิดหมอกควันไฟ สร้างผลกระทบการท่องเที่ยวในบึงสีไฟ และมลพิษทางอากาศกระจายไปทั่วเมือง โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางวันและกลางคืนซึ่งมีสภาพอากาศร้อนและมีลมพัด จึงทำให้เกิดการลุกไหม้ โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งด้านทิศใต้ของบึงสีไฟที่อยู่ใกล้กับอุทยานบัว ส่งผลทำให้เกิดควันลอยอยู่บนอากาศในพื้นที่รอบบึงสีไฟ พร้อมกระแสลมได้พัดไปในเขตเทศบาลเมืองพิจิตร ส่งผลกระทบกับทัศนียภาพด้านการท่องเที่ยวในบึงสีไฟ รวมทั้งประชาชนที่อาศัยรอบบึงสีไฟ โรงพยาบาล ทั้งภาครัฐ เอกชน ส่วนสาเหตุของไฟไหม้ในครั้งนี้เนื่องจากมีประชาชนบุกรุกเข้าไปหาปลาในบึงสีไฟและหานกหาหนู ซึ่งถึงแม้ว่าทางส่วนราชการจังหวัดพิจิตรจะหาทางออกมาแก้ไขแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านหยุดบุกรุกและเผาบึง
ขณะที่ที่สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (บึงสีไฟ) อ.เมืองพิจิตร นางฉัตรพร ราษฎร์ดุษฎี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ลงพื้นที่เปิดน้ำจากระบบบ่อบาดาล ผันน้ำดังกล่าวเข้าสู่บึงสีไฟ โดยบ่อบาดาลจำนวน 9 แห่งในพื้นที่โดยรอบของบึงสีไฟ เพื่อเป็นการคืนชีวิตและฟื้นฟูระบบนิเวศต่างๆ รวมถึงเมื่อปริมาณน้ำกลับมาเต็มในบึงสีไฟ ก็จะนำบัวและพันธุ์ปลาน้ำจืดนานาชนิดมาปล่อยลงสู่ในบึงสีไฟ เพื่อเป็นการดึงดูดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ได้กลับเข้ามาท่องเที่ยวบึงสีไฟอีกครั้ง อันจะส่งผลดีต่อสภาวะเศรษฐกิจการค้าการขายในจังหวัดกลับมาเติบโตจากการใช้จ่ายของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง
สำหรับบ่อบาดาลดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลจำนวน 3 บ่อและภาคเอกชนจำนวน 6 บ่อ รวม 9 บ่อ โดยขณะนี้ได้เร่งเจาะบ่อบาดาลขนาดหน้ากว้าง 8 นิ้ว ลึก 30 เมตร ซึ่งจะสามารถเดินเครื่องเติมน้ำลงบึงสีไฟได้ 6 บ่อ และเมื่อเดินเครื่องทั้งหมดจะสามารถมีน้ำกักเก็บได้ประมาณ 1 แสน 6 หมื่นลูกบาศก์เมตร ภายในสิบวัน