ผู้เลี้ยงกุ้งในกาฬสินธุ์ เร่งจับกุ้งก้ามกรามส่งขายก่อนน็อกตายคาบ่อ

 

วันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดและแห้งแล้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้กลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามแหล่งใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ซึ่งเลี้ยงกันมากในเขต ต.บัวบาน และ ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กว่า 100 ราย ต้องเร่งจับขายแม้ตัวขนาดเล็ก ก่อนที่กุ้งจะน็อกตายยกบ่อ ซึ่งเป็นผลพวงจากสภาพอากาศที่แปรปรวนทั้งหนาวเย็น และร้อนจัดสลับกัน

นางลัดดาวัลย์ ภูชื่นบาน สมาชิกผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม บ้านตูม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วงหน้าแล้งถือเป็นช่วงเฝ้าระวังเป็นอย่างมากสำหรับกลุ่มผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม เนื่องจากประสบปัญหาในการเลี้ยงหลายอย่าง นับตั้งแต่โครงการบำรุงและรักษาลำปาวจะทำการปิดน้ำ ทำให้ไม่มีน้ำเปลี่ยนถ่ายในบ่อกุ้ง ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทั้งร้อนจัดและมีพายุโซนร้อน เป็นสาเหตุทำให้กุ้งปรับตัวไม่ทัน และเกิดการน็อกตาย ซึ่งทุกวันนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย บางวันร้อนอบอ้าว บางวันอากาศเย็น และทำท่าฝนจะตก ทำให้กุ้งแสดงอาการไม่ดี เสี่ยงต่อการที่จะเกิดอาการน็อกได้ทุกขณะ เพื่อเป็นการเตรียมรับมือภัยแล้งและปัญหาที่จะเกิดขึ้น จึงได้เร่งจับกุ้งจำหน่ายแม้ขนาดยังเล็ก เพื่อลดความแออัด และป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ดีกว่าจะน็อกตายและทำให้ขาดทุนเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

201603301400332-20041021173804

Advertisement

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า อาชีพเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ยังเป็นที่นิยมของเกษตรกรในพื้นที่ใช้น้ำชลประทานลำปาว เพราะราคาสูง โดยที่ปากบ่อกิโลกรัมละ 250 บาท และทำเงินให้พ่อค้าคนกลางอย่างงาม ที่นำจำหน่ายลูกค้าต่างจังหวัดกิโลกรัมละ 350-450 บาท แต่ยังขาดการสนับสนุนจากส่วนราชการ เนื่องจากพันธุ์กุ้งไม่ค่อยมีคุณภาพและราคาแพง ต้นทุนการผลิตสูง ทำให้เกษตรกรประสบปัญหาในการเลี้ยง  และมีแนวโน้มว่าในหน้าเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึง ที่บรรยากาศการจำหน่ายกุ้งก้ามกรามเคยคึกคัก เงินสะพัดวันละกว่า 2 ล้านบาท อาจขาดตลาด หรือจำหน่ายสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image