วันที่ 30 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการวัดโพธาราม เห็นว่าระยะนี้เป็นช่วงหน้าแล้งระดับน้ำโขงลดลงต่ำสุดจึงได้ทำการว่าจ้างผู้รับเหมาที่เชี่ยวชาญด้านการกู้เรือมาทำการกู้เรือความยาวประมาณ 25 เมตร ขึ้นจากแม่น้ำโขง โดยก่อนกู้เรือก็ได้ตั้งศาลทำพิธีขออนุญาตเจ้าของเรือและผู้ที่เสียชีวิตในเรือ จากนั้นได้พยายามดูดทรายออกจากตัวเรือให้หมด จากนั้นก็จะใช้รถแบ๊กโฮผูกลวดสะลิงลากขึ้นมาบนฝั่งแต่ก็ติดปัญหาหลังเริ่มดูดทรายออกจากตัวเรือวันแรก ก็เกิดปัญหาระดับน้ำในแม่น้ำโขงเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จากการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนในประเทศจีนจนเป็นอุปสรรคในการกู้เรือ คาดว่าน่าจะกู้เรือกำปั่นได้ในเร็ววันนี้ถ้าระดับน้ำโขงไม่สูงขึ้นไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม การกู้เรือกำปั่นครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวบ้านท่าไคร้และชาวบ้านใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ต่างก็แวะเวียนมาดูการกู้เรือไม่น้อยกว่าวันละ 500 คน และก็สนใจดูชิ้นส่วนเรือบางส่วนที่เก็บขึ้นมารักษาไว้ นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านนำอาหารมาขายรวมทั้งแม่ค้าขายสลากกินแบ่งฯมานั่งขายให้ผู้ชอบเสี่ยงโชคอีกด้วย
ทั้งนี้ เรือกำปั่นที่จมมานานประมาณ 69 ปีที่แล้ว ได้เป็นตำนานเล่าขานตรงบริเวณใกล้วัดโพธาราม บ้านท่าไคร้ อ.เมืองบึงกาฬ ซึ่งชาวบ้านท่าไคร้ได้เล่าต่อกันมานานหลายปี โดยคุณตาพร้อมเล่าให้ฟังว่า เมื่อปี 2490 ประมาณเดือน 10 ได้มีเรือกำปั่นล่มในน้ำโขงใกล้วัดท่าไคร้ โดยเรือลำดังกล่าวเข้าใจว่าเป็นเรือของขุนอินทร์ ณีระสมิท ชาวนครพนม บรรทุกสินค้าใส่เรือเพื่อไปขายที่นครเวียงจันทน์ แต่เมื่อเรือแล่นมาถึงหน้าวัดโพธาราม เรือกลับมาล่มลงเสียก่อน ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ในเรือกำปั่นบรรทุกมานั้นเป็นจำพวกไวน์ โดยขณะนั้นมีฝรั่งสามีภรรยา 2 คน ติดอยู่ในเรือและเสียชีวิตด้วย ชาวบ้านดีใจมากที่จะมีการกู้ซากเรือลำนี้ขึ้นมาและเมื่อกู้ขึ้นมาแล้วอยากให้นำไปเก็บไว้ที่วัดโพธาราม บ้านท่าไคร้ ส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวของชุมชนบ้านท่าไคร้ต่อไป และต้องการบำเพ็ญกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเรือลำนี้อีกด้วย