เมื่อวันที่ 2 เมษายน ร.ต.ท.สุรศักดิ์ บุตตะแสง รองสารวัตรปราบปราม สภ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี นำกำลังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกันตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 4 คัน พร้อมของกลาง ไม้พะยูง 27 ท่อน ที่บริเวณป่าด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านโนนแถลง หมู่ที่ 14 ต.โพนงาม อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ในเขตป่าสงวนแห่งชาติบุณฑริก ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย -ลาว ประมาณ 1 กิโลเมตร (กม.) ภายหลังสืบทราบว่าจะมีการลำเลียงไม้พะยูงด้วยรถจักรยานยนต์ไปจำหน่ายให้กับนายทุนชาวจีนที่มารอรับซื้อที่ชายแดนไทย-ลาว บริเวณภูมะปราง จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบบริเวณตามที่ได้รับแจ้ง โดยได้ทำการดักซุ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ดักซุ่มอยู่นั้น ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์หลายคันบรรทุกไม้พะยูงวิ่งขึ้นมาตามเส้นทางในป่ามุ่งหน้าไปที่ภูมะปราง เขตแดนไทย-ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้ออกจากที่ซุ่มแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น แต่กลุ่มคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พอรู้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้หยุดรถและทิ้งรถไว้ในที่เกิดเหตุ อีกส่วนหนึ่งอาศัยความชำนาญในพื้นที่ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ 4 คัน ที่เบาะหลังบรรทุกไม้พะยูงรวม 27 ท่อน จึงได้ทำการตรวจยึดนำของกลางส่ง ร.ต.อ.วุฒิไกร แดนอินทร์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บุณฑริก อ.บุณฑริก จ.อุบลราชธานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ร.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้เพิ่มมาตรการปราบปรามสกัดกั้นจับกุมมาโดยตลอด แต่ขบวนการมอดไม้ยังมีความพยายามเข้าไปลักลอบตัดไม้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มตัดไม้ในเขต อ.บุณฑริก จะนำไม้พะยูงและไม้ชิงชันไปส่งที่เขตแดนไทย- ลาว ขายให้นายทุนชาวจีน หากถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ขณะอยู่ในพื้นที่ป่า ถ้าไม่มีของกลางจะได้รับโทษแค่ปรับตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป่าไม้ คนละประมาณ 500-1,000 บาท จึงทำให้เกิดกลุ่มตัดไม้ใหม่ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติบุณฑริก นอกจากเป็นแหล่งไม้พะยูงขนาดใหญ่ ยังมีไม้ชิงชันและไม้ประดู่ ซึ่งเป็นไม้ที่ตลาดต้องการสูง และมีราคาแพงมาก
