ตำรวจ ทหาร ร่วมสนธิกำลัง จับกุมเจ้าหนี้เงินกู้ดอกเบี้ยโหด ได้ของกลางเป็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม และโฉนดที่ดินจำนวนมาก
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 เมษายน ที่หน้ากองกำกับสืบสวน ภ.จว.หนองคาย พ.ต.อ.ศุภชาติ เวชพร ผกก.สส.ภ.จว.หนองคาย , ร.อ.ชวดล เสียงสนั่น ทหารประจำกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกองลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม นายพินิจ วงศ์เจริญ อายุ 66 ปี ชาวจ.หนองคาย เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายใหญ่ พร้อมของกลางจำนวนหลายรายการ ประกอบด้วย รถยนต์ 5 คัน , รถจักรยานยนต์ 18 คัน , รถไถ 1 คัน , หนังสือสัญญาเงินกู้และโฉนดที่ดิน จำนวน 54 ชุด , สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร 26 เล่ม , บัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เอทีเอ็ม) จำนวน 25 บัตร และสมุดรายชื่อลูกหนี้ จำนวน 1 เล่ม
การตรวจค้นจับกุมเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบรายใหญ่ครั้งนี้ อยู่ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผบก.ภ.จว.หนองคาย และ พ.อ.ยุวัติ ขันธปรีชา ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย หลังจากที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจภูธรภาค 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด เร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยเน้นกลุ่มผู้มีอิทธิพลตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีกำหนด 16 กลุ่ม และหนึ่งในจำนวนนั้นคือกลุ่มผู้ปล่อยกู้โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.หนองคาย และเจ้าหน้าที่ทหารจากกองกองลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดหนองคาย จึงได้ร่วมกันออกสืบสวนหาข่าว จนกระทั่งทราบว่า นายพินิจ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม มีพฤติการณ์รับจำนำทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รวมไปถึงที่ดิน โดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 – 20 บาท/เดือน ถือว่าเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด
ในเวลาประมาณ 15.00 น.ของเมื่อวานนี้ (4 เมษายน) เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันเข้าตรวจค้น โดยอาศัยอำนาจตามประกาศของ หัวหน้า คสช. ฉบับที่ 13/2559 พบของกลางดังกล่าวข้างต้นภายในบ้าน จากการสอบถามนายพินิจ ผู้ต้องหา ได้ให้การว่าไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ประกอบกิจการรับจำนำแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนเรื่องเงินเท่านั้น สาเหตุที่คิดดอกเบี้ยสูงเกินที่กฎหมายกำหนดนั้น เพื่อเป็นการชดเชยความเสี่ยงที่ที่จะเป็นหนี้เสีย เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
