(21 ม.ค.59) เมื่อเวลา 11.30 น.นายสง่า คำเตือนใจ นายกเทศมนตรี อบต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในเขตพื้นที่ อบต.บ้านเม็งประสบภัยแล้งรุนแรงไม่มีน้ำกิน-น้ำใช้ ประชากรใน ต.บ้านเม็งต้องหาซื้อน้ำกิน-น้ำใช้ เพื่อมากินในการดำรงชีวิต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่ โรงเรียนบ้านหนองกุงมนศึกษา หมู่ 4 บ้านเม็งใหญ่ ซึ่งมีนายเขตรัตน์ บุญหล้า ผอ.โรงเรียนนำน้ำบรรจุในถังพลาสติกมาใส่ในตู้น้ำดื่มของโรงเรียนโดยมี อบต.บ้านเม็งบริจาคให้กับโรงเรียน จำนวน 10 ถัง
นายคธาวุธ เสนหล้า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหนองกุงใหญ่ ได้พาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบบ่อน้ำสาธารณะประจำหมู่บ้าน ที่ได้ขุดลึกประมาณ 4 เมตร ในเนื้อที่ 35 ไร่ พบว่าไม่มีน้ำอยู่ในบ่อ ก่อนหน้านั้นบ่อน้ำนี้จะมีน้ำอยู่ในบ่อประมาณ 160,000 ลบ.เมตร เพื่อให้ประชากรในหมู่บ้านหนองกุงได้มีน้ำกิน น้ำใช้ และน้ำทำนา ทำสวน แต่ตอนนี้แห้งขอด
ด้านนางบานเย็น คำสีทา ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านหนองกุงใหญ่ กล่าวว่า ชาวบ้านที่อยู่ติดกับบ่อน้ำดังกล่าวเมื่อเข้าสู่ภัยแล้งน้ำในบ่อจึงแห้งขอด ไม่มีน้ำในบ่อให้กินให้ใช้ในการทำนาข้าว และทำสวน จึงเกิดความเดือดร้อนอย่างมากต้องซื้อน้ำกินน้ำใช้ โดยซื้อน้ำถังพลาสติก 18 ลิตร ในราคาถังละ 100 บาท ถ้าซื้อเป็นรถราคา 500 บาท ซึ่งจะซื้อน้ำ 3 วันต่อครั้ง เพื่อมีน้ำกินน้ำใช้ในช่วงที่ประสบภัยแล้งขณะนี้ จึงขอให้ทางการได้ช่วยหาน้ำให้ชาวบ้านได้มีน้ำดื่มน้ำใช้ด้วย
ขณะที่ นายสง่า คำเตือนใจ นายก อบต.บ้านเม็ง กล่าวว่า หมู่บ้าน 18 หมู่บ้าน ใน อบต.บ้านเม็ง ประชากรประสบภัยแล้งอย่างรุนแรงมา 2 ปีซ้อนแล้ว โดยขาดแคลนน้ำดื่ม-น้ำใช้ และน้ำทำนา-ทำสวน ซึ่ง อบต.บ้านเม็งได้จัดสรรงบประมาณบางส่วนจัดหาน้ำให้ประชากรในหมู่บ้านได้มีน้ำกินน้ำใช้ชั่วคราว โดยการจัดหาผ้าป่าให้มีน้ำกินน้ำใช้ในแต่ละหมู่บ้าน พร้อมกับจัดทำโครงการไปที่ศูนย์พัฒนาแหล่งน้ำในหลายๆที่ในสังกัดจังหวัดขอนแก่น เพื่อเจาะน้ำบ่อบาดาลเพื่อหาน้ำกินน้ำใช้ให้ประชากรใน อบต.บ้านเม็ง เพื่อให้มีน้ำกินน้ำใช้ช่วงที่ฝนไม่ตกลงมา
นอกจากนี้ ในเขต อบต.บ้านเม็ง หมู่บ้าน 18 หมู่บ้าน ประสบกับความแห้งแล้งพืชผักที่ปลูกไว้กินเฉาตาย สัตว์ที่เลี้ยงไว้ เช่น วัว ควาย ต้องกินหญ้า กินน้ำ ในปริมาณที่มากพอสมควรในแต่ละวัน ต้องต้อนออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อหาแหล่งหญ้า แหล่งน้ำให้ได้ก่อนคนอื่นๆ ที่เลี้ยงสัตว์เหมือนกัน เพราะถ้าออกสายหรือช้า วัว ควายก็ไม่มีหญ้ากิน ต้องต้อนไปไกลกว่าเดิมอีก พาไปหากินตอซังข้าวตามท้องนาที่ชาวบ้านเพิ่งเก็บเกี่ยวข้าวใหม่ๆ ห่างจากหมู่บ้านกว่า 3 กม. เพราะหนองน้ำและห้วยสาธารณะที่อยู่ใกล้หมู่บ้าน น้ำแห้งขอดหมดแล้ว ถือว่าลำบากทั้งคนทั้งสัตว์เลี้ยง แต่ไม่รู้จะไปร้องขอความช่วยเหลือกับใคร เพราะที่อื่นๆ ก็ประสบภัยแล้งไม่มีน้ำกินน้ำใช้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ภัยแล้งมาเร็ว และแล้งหนักกว่าทุกปี น้ำตามห้วย หนอง คลอง บึง แห้งหมด จึงไม่สามารถประกอบอาชีพที่ใช้น้ำทำนา ทำสวนได้ จำเป็นต้องออกหาขุดปูตามท้องนาและหารูปูตามขอบสระ ขอบหนอง แต่ก็หายาก ดินก็แห้งแข็ง ขุดปูลำบากมาก ส่วนปูที่หามาได้ก็นำมาเป็นอาหารเลี้ยงครอบครัว