ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 เมษายน นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอภูกระดึง เปิดเผยว่า หลังจากได้รับการแต่งตั้งมารับนายอำเภอที่อำเภอภูกระดึง ในเรื่องของความคิดในการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึงสร้างหรือไม่สร้าง และแนวคิดในเรื่องของการอนุรักษ์มันจะต้องปรับเปลี่ยนใหม่ เพราะว่าบริบทความเป็นจริงในพื้นที่อำเภอภูกระดึง ซึ่งประเด็นหลักมูลค่าของทางเศรษฐกิจของตัวอำเภอเองเราเริ่มแย่กันแล้ว ประเด็นนักท่องเที่ยวลดลงมาก ลดลงเกินครึ่งในแต่ละปี อย่างปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวขึ้นภูกระดึงไม่ถึง 2 หมื่นคน และส่วนใหญ่คนที่มาก็เป็นคนที่ไม่ได้มาใช้เงิน และในส่วนประเด็นหลักๆในตอนนี้คนที่มาเที่ยวภูกระดึง มาแล้วรีบไปเชียงคานต่อ เพราะว่าในจังหวัดเลยเราได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวหลายอำเภอ เดียวนี้ต้องยอมรับว่าภูกระดึงไม่ใช่จุดประสงค์หลักที่จะมาท่องเที่ยว เพราะว่าปัจจุบันประพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนไป ชอบสะดวกสบาย เดินทางไปมาง่าย มีที่พักที่ดี ถ้ามีครบนักท่องเที่ยวจะนิยม
ถ้าจะพูดถึงการมองในด้านเศรษฐกิจในตัวอำเภอภูกระดึงต้องยอมรับต่ำมาก จากเมืองที่ได้รับนิยมจากนักท่องเที่ยวกลายเป็นเมืองผ่าน จากการจัดการปัญหาในเชิงคุณภาพในพื้นที่ไม่ว่าการเดินขึ้นของนักท่องเที่ยว อันตรายจากภาวะซึ่งคนที่สุขภาพไม่ดี ในเรื่องของคนบาดเจ็บ และก็มีเรื่องของการเสียชีวิต ซึ่งเราได้ทำเมืองของความปลอดภัย การท่องเที่ยวต้องมีความปลอดภัย และในส่วนสินค้าโอท็อปในภูกระดึงก็มีปัญหา ซึ่งคนภูกระดึงส่วนใหญ่แม่บ้านจะถักหมวกไหมพรมขายมากที่สุดในจังหวัดเลย ซึ่งเคยจำหน่ายได้มีละหลักแสนต่อปีในอดีต แต่เดียวนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มแม่บ้านต่างก็ย่ำแย่ตามๆกัน คนภูกระดึงเองต้องบอกว่าส่วนใหญ่และเเทบทุกครัวเรือนต่างอยากให้มีการสร้างกระเช้าขึ้นภูกระดึง
อย่างที่ท่านสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า เราอยากได้เงินจากนักท่องเที่ยว 3 ล้านๆบาทต่อปีจำต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และที่ภูกระดึงถ้าได้สร้างกระเช้ามองในมุมเศรษฐกิจ ปีหนึ่งนักท่องเที่ยวจะหวนมาเที่ยวที่ภูกระดึงถึง 2.5 ล้านคน รายได้จะเข้ามาในอำเภอภูกระดึงประมาณ 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ซึ่งการลงทุนสร้างกระเช้าภูกระดึงแค่ 600 ล้านบาท มูลค่าทางเศษฐกิจ 5 หมื่นล้านบาทรับรองไม่ขาด และว่าก็จะกระจายไปที่อำเภออื่นๆอีก และในเรื่องของการเดินทาง ทั้งรถยนต์ และไฟว์บินต่างๆ ซึ่งคนไทยและต่างประเทศ ต่างจะขึ้นมาสัมผัสความสวยงามของภูกระดึงเป็นจำนวนมาก แต่ว่าปัจจุบันความสามารถ สมรรถภาพร่างกายคนเที่ยวไม่พร้อม จึงไม่สามารถขึ้นมาสัมผัสความสวยงามบนภูกระดึงได้
และในส่วนในเรื่องของการต่อต้านการสร้างกระเช้าในพื้นที่ ในฐานะตนเป็นนายอำเภอภูกระดึงขอยืนยันว่า คนอำเภอภูกระดึงเกือบ 100 เปอร์เซ็น รวมทั้งลูกหาบให้การสนับสนุนอยากให้มีกระเช้าขึ้นภูกระดึง เพราะถ้ามีกระเช้าขึ้นภูกระดึงเศรษฐกิจภูกระดึงจะกลับมาดีอีกครั้ง และรูปแบบของการก่อสร้างในรูปแบบที่มีการเสนอมา มีการตัดต้นไม้ไม่ถึง 20 ต้น ซึ่งการก่อสร้างทั่วโลกเขาก็สร้างกันโดยหลักสากล ซึ่งไม่น่าจะมีการกระทบกับสิ่งแวดล้อม แต่บริหารการจัดการเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ปัจจุบันคนไทยในเชิงความสามารถการบริหารจัดการคนไทยมีความพร้อม มีองค์กรและหน่วยงานที่มีสมรรถนะผู้บริหารมีความพร้อมจัดการในพื้นที่ได้อยู่แล้ว
