เช้านี้ค่า PM 2.5 ที่เชียงใหม่พุ่งทะลุ 152 เหตุฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้านและจังหวัดข้างเคียง

วันที่ 11 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในตัวเมืองเชียงใหม่ ตั้งแต่ช่วงเช้าถูกปกคลุมด้วยหมอกควัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดอยสุเทพจากระยะไกลได้ตามปกติ โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศพบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 ณ เวลา 09.00 น. เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ที่สถานีวัดตำบลช้างเผือกอยู่ที่ 89 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สูงสุดอยู่ที่อำเภอแม่แจ่ม 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 วัดที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อยู่ที่ 152 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ระบุว่า เป็นผลมาจากลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ซึ่งลักษณะภูมิศาสตร์พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ ทำให้ฝุ่นละอองไม่สามารถลอยตัวขึ้นไปได้ ขณะเดียวกันยังพบกลุ่มควันไฟขนาดใหญ่ลอยมาจากประเทศเพื่อนบ้านและจังหวัดข้างเคียงทางด้านทิศตะวันตก รวมทั้งอำเภอทางโซนใต้ของเชียงใหม่เกิดจุดความร้อนสะสม (Hotspot) เพิ่มขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

 

 

Advertisement

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ประกาศเน้นย้ำให้ประชาชนดูแลสุขภาพในช่วงสภาวะหมอกควัน โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดยขอให้หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมนอกอาคารที่ใช้แรงหนักและเป็นเวลานานๆ หากมีความจำเป็นควรใส่หน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นควันขนาดเล็กมากได้ เช่น หน้ากากชนิด N95 หรือ FFP2 ส่วนหน้ากากอนามัยธรรมดาไม่สามารถป้องกันฝุ่นละเอียดเข้าสู่ร่างกายได้ ตลอดจนควรปิดประตูหน้าต่างบ้าน หรืออาคารให้สนิท ไม่ให้อากาศที่มีควันพิษภายนอกเข้าภายในบ้าน หรือใช้เครื่องฟอกอากาศชนิดมีแผ่นกรอง HEPA ที่มีขนาดเหมาะสมกับขนาดห้อง

 

ด้านนายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กำชับให้ทุกอำเภอดำเนินการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ทั้งการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนทราบสถานการณ์หมอกควันและให้คำแนะนำวิธีปฏิบัติตนในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง พร้อมกับการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมและปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชน ในการแก้ไขปัญหาหมอกควันโดยไม่เพิ่มปริมาณหมอกควันในอากาศ เช่น ห้ามเผาขยะ เศษใบไม้ กิ่งไม้ หรือเผาเศษวัสดุทางการเกษตร และสนับสนุนการนำเศษวัสดุทางการเกษตรไปแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ เช่น การทำปุ๋ยหมัก การผลิตพลังงานทดแทน เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังสั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับดำเนินการฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อลดปัญหาหมอกควันและเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศอย่างต่อเนื่อง หากเกิดสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันรุนแรงให้รายงานกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ทราบทันที โดยกำชับให้แต่ละอำเภอใช้กลไกประชารัฐในการบูรณาการการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน และให้ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ ซึ่งยังอยู่ในช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาด ภายใต้ชื่อ “51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” ระหว่าง 1 มีนาคม-20 เมษายนนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image