ปิดอ่าว 4 จว.อันดามันวันแรก เรือเล็กกระทบ ผู้ประกอบการโอดแบกรับค่าใช้จ่าย

เมื่อวันที่ 1 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีการประกาศใช้มาตรการบริหารทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ และวางไข่เลี้ยงลูก ประกาศปิดอ่าวฝั่งอันดามัน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ช่วงวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย. ในอาณาเขตพื้นที่ 4,696 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 4 จังหวัด คือ จ.ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง ซึ่งได้กำหนดห้ามใช้เครื่องมือในการทำประมงบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อการขยายพันธุ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทูซึ่งเป็นสัตว์น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ 

ล่าสุด วันนี้เป็นวันแรกในการประกาศใช้มาตรการปิดอ่าว โดยที่ท่าเทียบเรือองค์การสะพานปลาพบว่ายังมีเรือประมงจำนวนมากเข้าจอดเทียบท่านำปลาขึ้นยังท่าตามปกติ ขณะเดียวกันก็พบว่ามีเรือประมงขนาดเล็กเข้าจอดลอยลำในท่าฯเพิ่มมากขึ้น

จากการสอบถาม นางกาญจนา หลิมพานิชย์ ผู้ประกอบการเรือประมงอวนดำ กล่าวว่า จากมาตรการดังกล่าวนั้นไม่กระทบกับเรือประมงขนาดใหญ่ เพราะออกไปจับปลาบริเวณนอกอ่าว ในจุดที่น้ำลึก และเห็นด้วยที่ออกมาตรการนี้มา ซึ่งเป็นผลดีต่อการวางไข่ของปลา แต่ก็มีเรือเล็กจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลกระทบ เพราะหาปลาในบริเวณน้ำตื้น  ของตนเองก็มีเรือขนาดเล็ก ก็นำจอดเข้าฝั่งไม่ออกจับปลาตามมาตรการ

201604011400453-20150427133841

ด้านนายสมชาย แก้วสีเหลือง อายุ 50 ปี ผู้ประกอบการเรือประมงอวนครอบปลากะตัก กล่าวว่า ตนเองและเพื่อนๆ ชาวประมงหลายรายที่มีเรือประมงอวนครอบปลากะตักขนาดเล็ก ขนาด 20-30 ตันกรอส นั้นได้รับผลกระทบ เพราะไม่สามารถจับปลาในบริเวณใกล้อ่าวฯได้ ต้องหยุดเรือและนำเข้าจอดลอยลำ เนื่องจากเรือขนาดเล็กนั้นไม่สามารถออกไปบริเวณน้ำลึกได้นาน เพราะหากมีคลื่นลมแรง จะไม่สามารถจับปลาได้ ทั้งนี้ในส่วนของทะเลอันดามันนั้นมีน้ำลึกและคลื่นลมแปรปรวนกว่าฝั่งอ่าวไทย ทำให้มีหลายรายที่ต้องหยุดทำประมงไม่มีรายได้ แต่ก็ต้องเคารพในมาตรการของทางภาครัฐ

ADVERTISMENT

201604011400452-20150427133841

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการประมงหลายประเภท ยังกังวลเรื่องมาตรการใหม่ที่ภาครัฐเพิ่งออก และเริ่มบังคับใช้ ทั้งในส่วนของการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่ประกอบอาชีพประมง 2 ปี ซึ่งนายจ้างจะต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียนแรงงาน เกือบ 7 พันบาท ต่อแรงงาน 1 คน แต่แรงงานที่ขึ้นทะเบียนมักละเมิดหรือผิดสัญญา หนีงาน ไม่สามารถออกเรือจับปลาได้ และอีก 1 มาตรการที่กังวลคือมาตรการควบคุมเรือที่ออกทำประมงได้ไม่เกิน 205 วันต่อปี  ซึ่งเฉลี่ยเดือนละ 13 วันทำให้ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายด้านแรงงานสูง เกิดการกู้หนี้ยืมสินมาหมุนเวียนจนรายได้ติดลบ อยากให้ทางภาครัฐเข้ามาดูแลเยียวยา ก่อนที่ผู้ประกอบการจะแบกรับภาระไม่ไหวจนต้องขายเรือทิ้ง