•…เป็นความคืบหน้าไปอีกขั้นหนึ่งกับการแถลงข่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คำว่า “สันติสุข” เริ่มชัดเจนขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี “มาราปาตานี” ร่วมเจรจา กำหนดให้ “อำเภอเจาะไอร้อง” หรือ 1 ใน 12 อำเภอของนราธิวาส เป็นพื้นที่ปลอดภัย หรือ Safety Zone
•…คำพูดของคนระดับนายกฯเสียงดังยิ่งกว่าใครบนโต๊ะเจรจา ให้รับรู้ไปยังกลุ่มเห็นต่างทั้งหลายว่า “เจาะไอร้อง” ที่มีพื้นที่กว่า 162 ตารางกิโลเมตร จะเป็น “โมเดล” ของการยุติไฟใต้ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป ทั้งสองฝ่ายจะแถลงร่วมกัน ตัดริบบิ้นในสิ้นเดือนเมษายนนี้
•…จำได้แม่น วลีของ พล.อ.ประยุทธ์ สมัยเป็น ผบ.ทบ.กล่าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่ยังใช้คำว่าการเจรจา “สันติภาพ” ทำนองว่า การเจรจาที่ไหนในโลกย่อมต้องจบบนโต๊ะเจรจา แม้ใช้เวลายาวนานก็ต้องอดทน ดังนั้น ครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มของการก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน
•…จะเป็นหน้าที่ของการเจรจาระหว่าง พล.อ.อักษรา เกิดผล หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขกับมาราปาตานี ตลอดที่ผ่านมา “เจาะไอร้อง” เป็น 1 ใน 5 อำเภอ ถูกคัดชื่อเข้าร่วมประกวด ด้วยเงื่อนไข ความเป็นสภาพภูมิประเทศป่าเขา เป็นพื้นที่สีแดง ส่วนอีก 4 แห่ง อาจจะเป็น อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ตามด้วย อ.ยะรัง ของ จ.ปัตตานี และอีก 2 อำเภอของยะลาคือบันนังสตาและยะหา ล้วนเข้าองค์ประกอบเดียวกัน
•…น่าสนใจ “เจาะไอร้อง” ที่สื่อมักกล่าวว่าเป็นจุดของการเริ่มต้น “ไฟใต้” รอบใหม่ที่กินเวลาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้นับได้ 14 ปีแล้ว แม้ช่วงหลังๆ เสียงปืนและระเบิดเริ่มบางเบาลงไปบ้าง ปฐมเหตุถูกนับเมื่อ 4 มกราคม 2547 กลุ่มคนร้ายนับร้อยวางแผนเข้าปล้นปืนของทหารที่ตีตราตัวเลขทุกกระบอกไปจากค่ายปิเหล็ง ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง ขนอาวุธปืนไป 413 กระบอก นำไปซ่อนไปฝัง ก่อนขุดขึ้นมาก่อเหตุมากมายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
•…ยิ่งเปิดลิ้นชักข่าว “ไฟใต้” มีการบันทึกไว้ว่า เมื่อ 16 มีนาคม 2560 พล.ต.สิทธิ ตระกูลวงศ์ เลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวที่กองทัพบกถึงความคืบหน้าการจัดตั้งเซฟตี้โซนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า เมื่อกำหนดกรอบแนวคิดลงตัวทั้งสองฝ่ายแล้ว จะต้องตั้งทีมประเมินพื้นที่ (Assessment Team) ขึ้นมา ประกอบด้วย ตัวแทนรัฐบาลไทย กลุ่มผู้เห็นต่าง ผู้อำนวยความสะดวกจากมาเลเซีย และประชาชนในพื้นที่ รวมถึงเตรียมการเรื่องอื่นๆ ก่อนลงปฏิบัติการในพื้นที่ ปักหมุดเป็นตัวเลือกไว้ 5 อำเภอ และแน่นอนว่า เสียงของทีมประเมินต่างพยักหน้าควรต้องเลือก “เจาะไอร้อง” เป็นอันดับ 1
•…เหตุที่ต้องให้ความสำคัญกับเซฟตี้โซน แม้ขั้นตอนนี้จะกินเวลากันมาเป็นปีๆ พล.ต.สิทธิเฉลยว่า “เหตุที่จัดตั้งเซฟตี้โซนก็เพื่อทดสอบความไว้วางใจจากทั้งสองฝ่ายในคณะพูดคุยสันติภาพ ฝ่ายไทยอยากดูว่าจะลดเหตุรุนแรงได้จริงหรือไม่ ขณะที่ฝ่ายผู้เห็นต่างต้องการเห็นความจริงใจของฝ่ายไทย หากเซฟตี้โซนประสบความสำเร็จ สามารถให้ความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ได้ ก็จะนำไปสู่การแก้ปัญหาขั้นต่อไป คือการพัฒนาและการคืนความเป็นธรรม”
•…“เหนืออื่นใด หากเกิดเหตุยิงกันอีกในเจาะไอร้อง ทีมเจรจาก็ต้องพิสูจน์ทราบให้ได้โดยเร็วว่า เกิดจากเหตุอะไร หรือเป็นฝีมือใคร ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า ถ้าเกิดจากเหตุผลเกี่ยวกับความมั่นคงเกินกว่าสามครั้ง จะยกเลิกเซฟตี้โซนในพื้นที่นั้นทันที”
•…ขอกล่าวถึงคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อ 17 เมษายนที่ผ่านมา ระบุว่า “ถ้าผู้เห็นต่างมีความตั้งใจจริงย่อมจะไม่ก่อเหตุขึ้นในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ก็จะไม่ใช้กำลัง ไม่เกิดการปะทะ ความรุนแรงก็จะลดลงไปเอง แต่ถ้ามีกลุ่มอื่นที่ไม่ร่วมในกระบวนการพูดคุยจะสร้างสถานการณ์ขึ้นอีกหรือไม่ก็ไม่ทราบ ตรงนี้เป็นเรื่องที่เราควบคุมได้ไม่มากนัก เพราะเป็นเรื่องของกลุ่มผู้เห็นต่าง ดังนั้น สิ่งสำคัญคือเราต้องการความร่วมมือของทุกฝ่าย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่กำหนด”
•…หมดบรรทัดพอดี ไว้ 7 วันข้างหน้า มาเล่ากันต่อ ขณะที่การเจรจาของทีมอักษราเดินหน้าไป การทำงานของกองทัพภาคที่ 4 ก็เดินควบคู่กันไป แม้บางครั้งจะเกิดความไม่สมดุลบ้างก็ตาม
นายอุตสาหะ