“ทนายตั้ม”ยื่นศาลเมืองกาญจน์จำหน่ายคดีแพ่งปมหวย30ล.ชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีอาญา

จากกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี และ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ข้าราชการเกษียณตำรวจ ฟ้องร้องแย่งชิงการเป็นเจ้าของกรรรมสิทธิ์สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินรางวัลจำนวน 30 ล้านบาท และต่อมาครูปรีชา ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี คดีแพ่ง กล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ วิมูล ในข้อหา ละเมิดลาภมิควรได้ ซึ่งศาลได้รับเป็นคดีหมายเลขดำ พ.1230/2560 โดยศาลได้นัดคู่ความเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 12 ก.พ.61 ซึ่งเป็นการนัดชี้เพื่อกำหนดประเด็นนำสืบ และศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้ทางทนายของโจทก์นัดสืบเสาะพยานเป็นฝ่ายแรก เริ่มวันที่ 1-4 พ.ค.61 เป็นเวลา 4 วัน ส่วนทนายฝ่ายจำเลย นัดวันที่ 8 วันที่ 9 และวันที่ 11 พ.ค.รวม 3 วัน

ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 เม.ย.61 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายความประชาชนฯ ทนายความส่วนตัวขอ ร.ต.ท.จรูญ เดินทางมาที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี คดีเหมายลขดำที่ พ.1230/2560 กรณี นายปรีชา ใคร่ครวญ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล จำเลย ซึ่งคดีนี้ศาลกำหนดนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกในวันที่ 1 พ.ค.2561 โดย นายษิทรา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที จึงแล้วเสร็จ

โดย นายษิทรา เปิดเผยภายหลังการยื่นคำร้องว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อขอให้ศาลจำหน่ายในคดีแพ่ง ที่จะมีการสืบพยานโจทก์ในวันที่ 1 พฤษภาคม โดยได้ให้เหตุผลว่าคดีนี้ได้มีการฟ้องคดีอาญาในข้อหาว่าคุณลุงจรูญ ยักยอก รับของโจร เรื่องของลอตเตอรี่ที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่ ซึ่งมีประเด็นคดีเดียวกัน โดยคดีแพ่งจำต้องถือตามคดีอาญา อีกทั้งสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเราได้ทำหมายขอไว้แล้ว แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่าสำนวนยังไม่เข้า เราจึงให้เหตุผลดังกล่าวยื่นขอให้ศาลมีคำสั่งเลื่อนคดีแพ่งออกไปก่อนเพื่อให้รอผลในคดีอาญา แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะรับหรือไม่รับ ซึ่งศาลจะสั่งออกมาในวันที่ 1 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยาน

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ปธ.ปปช.ออกมาแย้มว่าอาจจะมีการส่งสำนวนกลับ นั้น ก็คงจะเป็นในประเด็นที่ว่า ทางอัยการส่งมาให้กับทางกองปราบ ในส่วนสำนวนของ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีต ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ก็คงจะดำเนินการเพราะอยู่ในร่างของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว แต่ว่าก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของทาง ป.ป.ช.ว่าอยู่ในอำนาจของกองปราบหรือของ ป.ป.ช.หรือไม่

Advertisement

“จนถึงตรงนี้เรายังมีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ต้องขอขอบคุณทางสอบสวนกลางและพนักงานสอบสวนของกองปราบด้วยที่รวบรวมหลักฐานมาค่อนข้างที่จะแน่นหนา แต่ติดอยู่ที่ว่าขั้นตอนของกฎหมายที่เราจะขอหลักฐานตัวนี้มาได้เท่านั้นเอง แต่เมื่อไหร่ที่เราขอหลักฐานตรงนี้มาได้เราจะมีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ที่จะนำมาใช้สู้คดีได้อย่างแน่นอน”นายษิทรา กล่าว

นายษิทรากล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีการฟ้องร้องซ้ำซ้อนกันนั้น ขอชี้แจงว่า เป็นสิทธิ์ของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายที่สามารถยื่นศาลในการฟ้องร้องดำเนินคดีได้ ซึ่งฝ่ายนั้นฟ้องร้องมาในประเด็นคุณลุงจรูญ ยักยอกและรับของโจร ส่วนฝ่ายเราฟ้องในประเด็นที่มีการเบิกความเท็จ เมื่อเดือนธันวาคม 2560 ในคดีแพ่งในการขอไต่สวนฉุกเฉิน ซึ่งเป็นคนละข้อเท็จจริง
ฉะนั้นจึงไม่ซ้ำซ้อน ส่วนศาลจะรับฟังคำเบิกความหรือว่าคำให้การน้ำหนักของพยานฝ่ายนั้นแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการชั่งน้ำหนักในพยานและหลักฐาน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายถูกดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ แกล้งให้ผู้ อื่นรับโทษทางอาญา ส่วนตัวคิดว่าน้ำหนักตรงนี้คงจะน้อยแล้ว แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง

สำหรับกรณีการฟ้องร้องกันทั้งสองฝ่าย ไม่ได้ทำให้ประชาชนสับสน ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่มีการไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ร้องทุกข์ แต่ท้ายที่สุดแล้วพนักงานสอบสวนก็ต้องมีแนวทางออกไปทางใดทางหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนก็มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคุณลุงจรูญ แต่มีความเห็นสั่งฟ้องทางคุณครูปรีชา

Advertisement

“ในวันไต่สวนมูลฟ้องศาลก็จะพิจารณาพยานหลักฐาน ว่า ของคนใดมีมูลหรือไม่มีมูล ส่วนจะไต่สวนว่ามีมูลทั้งสองฝ่ายได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ แต่คงจะไม่ใช่มีฝ่ายถูกทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน”นายษิทรากล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image