‘คุณหญิงหน่อย’รับป.เอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ศึกษาพุทธวิธีแก้ขัดแย้งทางการเมือง

เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 13 พฤษภาคม ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพโร) เสด็จประทานปริญญาบัตรในพิธีประสาทปริญญาบัตรพุทธศาสตรบัณฑิต ประจำปี 2561ระหว่างวันที่ 12-13 พฤษภาคม โดยมีบัณฑิตสำเร็จการศึกษาทุกระดับซึ่งมีบรรพชิตที่สำเร็จการศึกษาเป็นจำนวนมากที่สุดในโลกรวมทั้งสิ้น 2,706 รูป และคฤหัสถ์ 2,215 คน รวมทั้งหมด 4,921 รูป/คน ในพิธรดังกล่าวมี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นิสิตพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต เข้ารับปริญญาบัตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา ท่ามกลางบุคคลในครอบครัว อาทิ คนใกล้ชิด และ เพื่อนนิสิตพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ร่วมแสดงความยินดี ทั้งนี้คุณหญิงสุดารัตน์จบการศึกษาในระดับปริญญาเอก โดยใช้เวลาในการศึกษาและทำดุษฎีนิพนธ์รวม 4 ปี ภายใต้หัวข้อพุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ แก้ไขปัญหาความขัดแย้งสร้างความปรองดองให้กับชาติบ้านเมืองได้คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ได้ทำดุษฎีนิพนธ์ในหัวข้อ พุทธวิธีเชิงบูรณาการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยในปัจจุบัน สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันและทางการเมืองได้ เพราะหลักคำสอนพระพุทธศาสนา สอนให้คนใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เกิดความสำเร็จ ทั้งหลักการอยู่ร่วมกัน หลักการปกครองคน ไม่ว่าใครในอาชีพไหนถ้ามีหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็จะทำให้ชีวิตพบความสุขและความสำเร็จ ส่วนดุษฎีนิพนธ์ที่ทำนั้น ได้น้อมนำพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9 ตอนมาประยุกต์ใช้ เมื่อมีวิกฤตทางการเมืองในปี 2549 ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานแนวทางคุณธรรม 4 ประการ รวมถึงการคิดดี ทำดี พูดดีต่อกัน หวังว่าดุษฎีนิพนธ์จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมไม่มากก็น้อย “สำหรับสถานการณ์ขณะนี้ที่ความขัดแย้งเริ่มกลับมาอีกครั้งนั้น เราควรปรับทัศนคติต่อกันแต่ไม่ใช่นำไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร เราต้องคิดดี พูดดี ทำดี จากนั้นต้องทำให้เกิดความยุติธรรม ความเที่ยงธรรม ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน ให้อภัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งปัญหาที่เกิดในสังคมและทางการเมือง” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า
สำหรับการแก้ปัญหาความขัดแย้งตลอด 4 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เหมือนกับที่สื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรม มองว่าการที่ทำให้สถานการณ์สงบโดยใช้มาตรา 44 หรืออำนาจต่างๆ ไม่สามารถทำให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน วิธีที่จะทำให้เกิดสันติสุขอย่างยั่งยืน คือ การปรับความคิดให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่ไม่สอดคล้อง ก็ขอให้ใช้เหตุและผลโดยตั้งอยู่บนความคิดดี ทำดี พูดดี ปรารถนาดีต่อกัน ส่วนอะไรที่ไม่ตรงกันก็ต้องดูว่าจะปรับอย่างไร ไม่อยากให้ผู้มีอำนาจใช้เพียงกฎหมายหรือ มาตรา 44 หรือ ความกลัว อยากให้ใช้ความเข้าใจ เพราะคนไทยเป็นพี่น้องกัน คนไทยพูดไม่ยาก ถ้าได้มาคุยกัน ได้ฟังกัน หาแนวทางร่วมกันไม่ว่าฝ่ายไหน สีไหน ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก หากเริ่มมองกันอย่างปรารถนาดีก่อน“ส่วนการยกเลิกคำสั่งต่างๆของ คสช. รวมถึง ม.44 เป็นข้อเรียกร้องที่มีมานานแล้ว ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ผู้มีอำนาจยิ่งควรคืนโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ไม่อยากให้ใครกลัวความคิดเห็นที่แตกต่าง เพราะความคิดเห็นที่แตกต่าง คือ ความคิดเห็นที่สร้างสรรค์ ส่วนที่ คสช.ใช้กลไกของภาครัฐเข้าไปตรวจสอบกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น อยากให้ผู้มีอำนาจรับฟังพูดคุยกันด้วยเหตุและผล เมื่อมีความคิดเห็นแตกต่างแล้วมองกันเป็นศัตรูการแก้ไขจะยากขึ้น ควรคุยกันด้วยเหตุด้วยผล และสร้างความเข้าใจที่ดีต่อกันจะดีกว่า
เมื่อถามว่าจะนำดุษฎีนิพนธ์ไปมอบให้พล.อ.ประยุทธ์ อ่านหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ไม่เป็นไรเพราะสามารถหาอ่านได้ทั่วไปและคงไม่แนะนำอะไรแก่ พล.อ.ประยุทธ์คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กล่าวอีกว่าการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อหากลุ่มสนับสนุนทางการเมืองว่า การดูดกลุ่มการเมืองเป็นวิธีโบราณ เป็นวิธีเก่าใช้มาจนรู้สึกว่าไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ แต่ไปบังคับผู้มีอำนาจไม่ได้ ท่านใช้วิธีการนี้เพื่อเข้าสู่อำนาจต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจเลือก แต่ท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่านายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย จะยังยืนเคียงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนที่ทำงานเป็นตัวแทนของประชาชน ต่างคนต่างมีจุดยืนมีอุดมการณ์และมีความรับผิดชอบต่อประชาชนของตนเอง น้อยคนที่จะกล้าทรยศต่ออุดมการณ์และประชาชนของตนเอง อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถรับรองใครได้ แต่เชื่อว่าน้อยคนที่จะไป เพราะคนส่วนใหญ่ยังรักษาอุดมการณ์ รักษาความซื่อสัตย์ต่อประชาชน ส่วนคนที่ตัดสินใจไปก็แล้วแต่ละคน บางคนคิดว่าไปกับผู้มีอำนาจ อาจเป็นเส้นทางที่ง่ายเพราะมีทั้งอำนาจเงินและอำนาจรัฐ แต่หลายคนไม่ได้คิดถึงแค่เรื่องเงิน ทุกคนไม่ได้เห็นแก่อำนาจ หลายคนยังมีอุดมการณ์มีจุดยืนและไม่กล้าทรยศกับชาวบ้านหรือประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image