กลุ่มชาวบ้านชุมนุมไล่ ร.ร.ดังหลักสูตรอินเตอร์เชียงราย นายกฯสมาคมผู้ปกครองยังตกลงไม่ได้หลังขอ1ปี หาสถานที่ใหม่ หวั่นเด็กกระทบ ชี้ เสียดายร.ร.ต้นเเบบปฏิรูปการศึกษา
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนอนุบาลเชียงราย(สันทรายราษฎร์อรุณานุเคราะห์) หรือ A.M.E.C ต.สันทรายน้อย อ.เมือง จ.เชียงราย ได้มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนประมาณ 15 คน นำโดยนางพรสรรค์ พัวพันพัฒนา ทายาทผู้บริจาคที่ดินก่อสร้างโรงเรียน เมื่อหลายสิบปีก่อน ได้นำเต้นท์มากางที่บริเวณด้านหน้าป้ายของโรงเรียน ติดป้ายประกาศ เพื่อกดดันให้ผู้ปกครองเด็กนักเรียน A.M. A.C. ให้ย้ายสถานที่ไปเรียนที่อื่นๆ ตามความเหมาะสมภายในวันนี้ ภายหลังจากไม่บรรลุข้อตกลงในห้องประชุม ในเรื่องระยะเวลาการย้ายออกไปเปิดการเรียนการสอนที่อื่น โดยมีกำลังทหาร และตำรวจ เดินทางมาดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด
นางพรสรรค์ กล่าวว่า มาเพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่า จะขอให้ผู้บริหาร A.M.E.C คืนพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งไม่มีโอกาสได้เข้ามาเหยียบ หรือเข้ามาใช้พื้นที่ของโรงเรียนแห่งนี้มาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว ที่ผ่านมาคณะผู้บริหารไม่อนุญาตให้พวกตนเข้ามาทำกิจกรรมได้เลย แม้แต่จะเข้ามาไหว้พระก็ยังไม่ได้ พวกตนเข้าใจว่าพวกตนถูกละเมิดในการใช้พื้นที่แห่งนี้ สำหรับกิจกรรมในวันนี้ จะเป็นการชุมนุมอย่างสงบ ยืนยันว่าจะไม่มีการเดินทางเข้าไปก่อกวนภายในโรงเรียนแต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยจะเป็นการส่งเจตนาให้ย้ายไปเรียนที่อื่นที่คิดว่าเหมาะสมก็ขอให้ย้ายออกไปทันทีภายในวันนี้ หากไม่ดำเนินการตามที่พวกตนจะร้องขอก็จะใช้มาตรการทางกฏหมายเข้ามาจัดการ
น.พ.ชวน ชีพเจริญรัตน์ นายกสมาคมผู้ปกครองและครู A.M.E.C ซึ่งเป็นสมาคมที่บริหารสถานศึกษาเเห่งนี้ กล่าวว่า สถานศึกษาแห่งนี้ ได้เปิดทำกันเรียนการสอน เป็นห้องเรียนพิเศษ ภาษาอังกฤษ ตามนโยบายปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2455 โดยกลุ่มผู้ปกครองกลุ่มหนึ่ง ได้เล็งเห็นถึงการพัฒนาการศึกษา โดยใช้เด็กเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ ให้สมวัย เน้นการพัฒนาร่างกาย อารมณ์ ให้อยู่ร่วมกับสังคมอย่างมีคุณภาพ ปรับตัวรองรับการเข้าสู่ระบบการศึกษาตามที่ตนเองถนัด และมีความต้องการศึกษาต่อไปในอนาคตได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งได้ขอใช้พื้นที่ของ”โรงเรียนสันทรายน้อย” (ชื่อเดิมในสมัยนั้น) ซึ่งไม่มีเด็กนักเรียนมาเข้าเรียน และได้ปิดตัวเองลงไปแล้วถึง 6 ปี เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน และเนื่องจากกฏระเบียบของราชการ จึงยังไม่สามารถแยกออกมาเป็นโรงเรียนโดยอิสระได้ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะ สร้างระบบการศึกษาให้ทันสมัย จึงได้รับความกรุณาจากอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเมืองเชียงรายในสมัยนั้น ใช้สถานที่แห่งนี้เป็นห้องเรียนพิเศษของโรงเรียนฯ เพื่อเปิดทำการเรียนการสอนในหลักสูตรอินเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษ
น.พ.ชวน กล่าวต่อว่า เริ่มต้นมีนักเรียนเข้าเรียนเพียง 8 คนเท่านั้น เนื่องจากเน้นการเรียนการสอนเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ จึงได้มีการจ้างครูชาวต่างชาติเจ้าของภาษา เข้ามาสอนภาษาอังกฤษ ควบคู่กับครูคนไทย ในอัตราจ้างเริ่มต้น 33,000 – 35,000 บาท ควบคู่กับครูชาวไทย ซึ่ง มีดัชนีเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ ถึงผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาเป็นอย่างดี จึงได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ปกครอง จนมีเด็กนักเรียนเข้ามาสมัครเรียนเป็นจำนวนมากสูงสุดถึง 180 คน
“เรามั่นใจว่าจะผลิตเด็กที่มีคุณภาพออกไปเป็นกำลังหลักเพื่อประเทศต่อไปในอนาคต สำหรับการที่มีการกล่าวอ้างว่าเราไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาใช้พื้นที่นั้น ไม่เป็นความจริง เราอนุญาตตลอดเพียงแต่ขอทำเรื่องเข้ามาให้อย่างถูกต้องเท่านั้น นอกจากนี้ที่ผ่านมา เรายังให้ทุนสำหรับคนในพื้นที่ที่มีความประสงค์จะส่งบุตรหลานเข้ามาเรียนที่นี่ฟรี ร้อยละ 3 โดยคำนวณจากเด็กนักเรียนที่มีอยู่ เช่น นักเรียนของเราที่จ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน 100 คน จะให้สิทธิ์บุตรหลาน ของคนในพื้นที่เรียนฟรี ถึง 3 คน เพื่อเป็นการส่งเสริมบุตรหลาน คนในพื้นที่ให้มีโอกาสศึกษาในหลักสูตรภาษาอังกฤษ ของโรงเรียนอีกด้วย”
น.พ.ชวน กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นมานานหลายปี โดยมีความพยายามให้มีการย้ายสถานที่จัดการเรียนการสอน โดยให้นักเรียนของ A.M.A.C.ย้ายไปเรียนที่ โรงเรียนอนุบาลเมืองเชียงรายฯ ภายหลังจากมีการปรับปรุง ก่อสร้าง อาคารสถานที่เรียนแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังตกลงกันไม่ได้ ในเรื่องแผนการบริหาร โดยทางฝ่ายผู้บริหารสมาคมฯ ได้ขอส่งตัวแทนเข้าไปเป็นคณะกรรมการสถานศึกษา อย่างน้อย 1 คน เพื่อติดตามแผนงานและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาให้มีมาตรฐานใกล้เคียงกับที่ได้รับจากการเรียนในสถานที่เดิม แต่ก็ไม่เป็นผล ต่อมาจึงได้มีการนำป้ายประกาศคำสั่งจากผู้บริหารของโรงเรียน
ไปติดที่ด้านหน้าของรั้วห้องเรียนพิเศษแห่งนี้ ให้ย้ายออก จนล่าสุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายสุรศักดิ์ อินไกรศรี ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เชิญ นายนพรัตน์ อู่ทอง ศึกษาธิการจังหวัดเชียงราย ,นายลิขิต มีเสรี ผอ.กลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย พร้อมด้วย น.พ.ชวน ชีพเจริญรัตน์ พร้อมคณะกรรมการสมาคมฯ และ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหาทางออกร่วมกัน
น.พ.ชวน ระบุว่า สมาคมฯ ยินยอมที่จะพานักเรียนย้ายออกจากสถานที่แห่งนี้เพื่อไปหาสถานที่จัดการเรียนการสอนในรูปแบบอิงลิชโปรแกรม (สองภาษา)แต่เนื่องจากช่วงนี้ใกล้ระยะเวลาเปิดเทอม และต้องจัดการทุกอย่างให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย โดยไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนของเด็กนักเรียน จึงขอระยะเวลาในดำเนินการจัดเตรียมสถานที่แห่งใหม่ ในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี จะดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่ปรากฏมีผู้คัดค้านไม่ยินยอม โดยขอให้ย้ายออกไปภายในระยะเวลาก่อนเปิดภาคเรียนนี้ (16 พฤษภาคม61) ทันที จึงทำให้ไม่สามารถหาข้อยุติได้ จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในวันนี้
“โรงเรียนนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองโดยจัดระบบการเรียนการ สอนที่ผู้ปกครองทุกคนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของโรงเรียน โดยเฉพาะ หลักสูตรการเรียนการสอนเป็นไปตามแนวทาง แบบอย่างในประเทศที่มีการพัฒนาการศึกษาระดับประถมวัย เช่น มีนักเรียนห้องละ 20 คน มีครูไทยและครูชาวต่างชาติประจำห้องละสองคน เด็กทุกคนสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ทั้งสี่ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน โดยเฉพาะค่าเรียนราคาถูกทุกคนสามารถส่งลูกเข้ามาเรียนได้ ดังนั้นโรงเรียนนี้ถือว่าเป็นโรงเรียนต้นแบบแห่งการพัฒนาใน อนาคตที่เราอยากเห็น ดังนั้น หากผู้ใหญ่ในประเทศไม่เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ ระบบการเรียนแบบนี้อาจจะล่มสลายไปก็ได้ครับซึ่งถือว่าเสียดายแทนคนเชียงรายเป็นอย่างยิ่ง” น.พ.ชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยบรรยากาศที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้ ที่บริเวณทางเข้า พบว่ามีชาวบ้านบางคนที่มาชุมนุม ได้ทำการถ่ายทึกภาพปกครองและเด็กนักเรียน ขณะนำบุตรหลาน ของพวกตนมาส่งเข้าห้องเรียน จนอาจมีความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัย และเกิดความกลัว ผู้ปกครองหลายคนยังไม่ยอมกลับบ้าน และได้นั่งเฝ้าอยู่ภายในบริเวณรั้วหน้าห้องเรียนเพื่อสังเกตความเคลื่อนไหว มีผู้ปกครองบางคนได้ยกกล้องโทรศัพท์ถ่ายกลับไป ทำให้บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร จาก มทบ.ที่ 37 จำนวน 2 นาย เข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยสมทบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ที่มาอำนวยความสะดวกก่อนล่วงหน้าแล้วจำนวน 2 นาย ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง โดยยังไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นแต่ประการใด